ขั้นตอนแรกในการเริ่มงานพิมพ์กราเวียร์
มีความสนใจเครื่องจักร เรามีบริษัทที่มีความชำนาญ ให้คำปรึกษาได้ครับ
คุณ สง่า พูนอนันต์ โทร 081-583-5879…094-941-6829
—————————————————————————————–
บทความนี้เขียนจากประสบการณ์จริงในการทำงาน การที่จะทำงานพิมพ์ระบบกราเวียร์ อันดับแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ ต้องทราบเสียก่อนว่า งานที่ต้องการผลิตคือชื่องานงานอะไร มีลักษณะอย่างไร ถ้ายังไม่ทราบข้อมูลไม่ต้องไปหาข้อมูลเครื่องจักรให้เสียเวลา หรือว่าหาข้อมูลไปก็ผิดพลาดไม่ตรงกับงานจะเสียเวลาไปเปล่าๆ หรืออาจจะเสียเงิน เพราะว่าข้อมูลเริ่มต้นว่าจะผลิตงานมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการอย่างไรก็ยังไม่รู้ ก็จะเกิดปัญหาตามมา***การแก้ไขปัญหาภายหลังเป็นเรื่องยาก***
มีบทความ ขบวนการผลิตการพิมพ์ระบบกราเวียร์ ทุกขบวนการผลิตและปัญหาต่างๆ เทคนิคต่างๆ ในการผลิต เขียนบทความจากประสบการณ์จริง อาจจะมีบทความที่มีประโยชน์บ้าง thanit
ปรึกษางานเรื่องการพิมพ์ระบบกราเวียร์ เขียนจากประสบการณ์ การทำงานจริง ครบวงจร ทุกกระบวนการ ตั้งแต่ การรับงาน, สเปคสินค้า, การคิดราคาต้นทุน,เครื่องจักรที่่เหมาะสม, บุคลากรที่เหมาะกับการทำงาน , ขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง , วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และการควบคุมการสูญเสียทุกกระบวนการผลิต จากประสบการณ์ในการทำงานสายงานผลิต มากกว่า 30 ปี เริ่มต้นการทำงานจริง ตั้งแต่เป็นพนักงานรายวัน ( ค่าแรง 60 บาทต่อวัน ) ไต่ขั้นจนถึงระดับ ผจก.โรงงาน …..เข้า web site อ่านบทความคร่าวๆก่อนครับเผื่อมีบทความที่น่าสนใจ.
*** อันดับแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ ต้องทราบก่อนว่า งานที่จะต้องการผลิตคืองานอะไร มีลักษณะอย่างไร ต้องการไปบรรจุสินค้าชนิดใด เป็นของเหลวหรือของแห้ง, ขนาดบรรจุ ,มีความต้องการความสวยงามมากหรือน้อย,ต้องการอายุการใช้งานของสินค้านานเท่าไร ถ้ายังไม่ทราบไม่ต้องไปหาข้อมูลเครื่องจักรให้เสียเวลา หรือว่าหาข้อมูลไปก็ผิดพลาดเสียเวลาไปเปล่าๆ หรืออาจจะเสียเงิน เพราะว่าข้อมูลเริ่มต้นว่าจะผลิตงานอะไรก็ยังไม่รู้เลย***ถ้ามีการผิดพลาด ทำการแก้ไขภายหลังเป็นเรื่องยาก***
**** การเริ่มต้นในการทำงาน เริ่มจากการรับแบบงานจากลูกค้า (ART WORK )ต้องเข้าใจเรื่องแบบงาน (ART WORK) ของร้านทำแม่พิมพ์และช่างพิมพ์ ว่าต้องทำการแยกสี , การซ้อนทับกันของสี , การให้เปอร์เซ็นต์สี เพื่อทำการเจาะลงบนแม่พิมพ์ ต้องมีความเข้าใจเรื่อง จำนวนสีของรูปภาพของงานที่จะทำ การไล่เปอร์เซ็นต์สีที่วางทับซ้อนกันอยู่ในรูปภาพของแบบงาน ( ART WORK ) การวางเปอร์เซ็นต์สีลงบนแม่พิมพ์ให้เหมาะกับเครื่องพิมพ์นั้นๆ ( ขอเน้นย้ำว่าระบบการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ของแต่ละโรงงานจะไม่เหมือนกันหรือโรงงานเดียวกันอาจจะไม่เหมือนกัน ) เพื่อทำงานออกมาได้สวยงาม ต้องมีการปรับแบบ ( ART WORK ) ที่ได้มาจากลูกค้า เพราะแบบเป็นเพียงสิ่งที่ได้มาจากการออกแบบเท่านั้น ไม่ใช่งานที่ผลิตจริง หรือาจจะมีกรณีที่มีงานที่ผลิตจริงออกมาแล้วจากโรงงานอื่น ต้องมีตัวอย่างสิ่งพิมพ์มาเปรียบเทียบการแยกสี การวางเปอร์เซ็นต์สีด้วย สิ่งนี้เป็นส่วนที่สำคัญอันดับแรก เพราะถ้าทำแบบออกมาไม่ดี จะทำให้การพิมพ์ ปรับคุณภาพงานพิมพ์ออกมา สีไม่สวย , สีไม่สดใส ,สีไม่คมชัด ,สีภาพออกมาทึบ บางครั้งภาพที่ออกมาสีแดงเกินไป บางครั้งภาพที่ออกมาสีฟ้าเกินไป บางครั้งภาพที่ออกมาสีเหลืองเกินไป ( หรือการพิมพ์ในล๊อตเดียวกันพิมพ์สีออกมาหลายเฉดสีมาก ) , เฉดสีในส่วนปลายสุดของหลุมสกรีนแม่พิมพ์ที่รูปภาพขาดหายไปไม่มีในส่วนที่เปอร์เซ็นต์สีน้อยๆมาก เช่น ส่วนปลายของขนสุนัข ,ส่วนปลายสุดของรูปแก้มคน , ส่วนปลายของตัวกุ้ง,ส่วนปลายของเส้นบะหมี่,ส่วนปลายของเมล็ดข้าว,ส่วนปลายของควันกาแฟที่ขาดหายไปอาจจะทำความเข้าใจยาก เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ประสบการณ์มากๆๆๆๆ แม้กระทั่ง ร้านทำแม่พิมพ์อาจจะมีความเข้าใจเรื่องนี้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะทำตามแบบ ( ART WORK ) แบบเดียวกับการถ่ายเอกสารสีออกมาไม่มีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความสามารถของ เครื่องจักร เสร็จแล้วงานที่ทำออกมานำไปทำแม่พิมพ์ ที่ใช้พิมพ์แล้วงานที่ออกมาไม่มีความสวยงามจะมี คำตอบว่าทำตาม แบบงาน( ART WORK) ทุกอย่างแล้วแต่ทำไมเมื่อพิมพ์งานออกมาไม่สวยงาม เป็นเพราะสาเหตุใด แล้วไม่เข้าใจว่าทำไมลูกค้าไม่ชอบ ไม่ถูกใจลูกค้า ทำไมลูกค้าไม่ยอมรับงานพิมพ์thanit
**** สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะสิ่งพิมพ์จะแข่งขันกันเรื่องความสวยงาม***ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับแรก***ในปัจจุบันนี้ลูกค้าลูกค้ามีฝ่ายออกแบบ เพื่อให้สินค้านั้นสวยงาม ถ้าตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า จะมีโอกาศได้งานมากที่สุด ในการแข่งขันที่มีการแข่งขันกันสูงมาก สิ่งนี้จะเป้นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดเป็นอันดับแรก****
***เครื่องจักรทุกๆชนิดไม่สามารถผลิตงานได้ดีทุกงานต้องเลือกเครื่องจักร ที่เหมาะสมกับงานจึงจะได้งานที่ดีออกมาตรงกับความต้องการ… ผู้ขายเครื่องจักรที่ไม่มีประสบการณ์ จะแจ้งว่าเครื่องจักร ที่เขาขายสามารถผลิตงานได้ทุกชนิด แต่ไม่ได้บอกว่าผลิตออกมาได้ดีหรือไม่ดี เมื่อผลิตงานออกมาไม่ได้หรือไม่ดีก็จะโทษว่าคนทำงานไม่ดีไม่เกี่ยวกับเครื่องจักร***ปัจจุบันสินค้ามีการแข่งขันด้านการตลาดแข่งขันกันด้านราคากันมาก ซึ่งด้านราคาผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดหรือเลือกผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันด้านราคา ในการควบคุมราคาหรือต้นทุนการผลิตให้ต้นทุนต่ำ อยู่ที่การควบคุมคุณภาพให้ได้ดีไม่มีการ REJECT. และที่สำคัญคือการลดการสูญเสีย NC & WASTE จึงต้องเลือกเครื่องจักรที่ถูกต้องเหมาะสมกับงานที่ต้องการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ***
*** การต้องการผลิตงาน อันดับแรกที่มีความสำคัญที่สุดคือ ต้องทราบเสียก่อนว่า งานที่จะผลิตคืองานงานอะไร มีลักษณะอย่างไรต้องการบรรจุอะไร ถ้ายังไม่ทราบไม่ควรไปหาข้อมูลเครื่องจักรให้เสียเวลา หรือว่าหาข้อมูลไปก็จะผิดพลาดเสียเวลาไปเปล่าๆ หรืออาจจะเสียเงินซื้อเครื่องจักรที่ไม่ถูกต้องตรงกับงาน เพราะว่าข้อมูลเริ่มต้นว่าจะผลิตงานอะไรก็ยังไม่รู้เลย จะเกิดความเสียหายได้***การแก้ไขปัญหาภายหลังเป็นเรื่องยากมาก*** *มี vdo เครื่องพิมพ์ กราเวียร์กำลังทำงาน ( gravure printing working ).
ทำไมเครื่องพิมพ์กราเวียร์จึงเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้
อันดับแรกคือไฟฟ้าสถิตย์เกิดจากการเสียดสีกันของฟิล์มที่ใช้พิมพ์ เสียดสีกับลูกลิ้งของเครื่องจักรระหว่างการผลิต
- การต่อสายกาวด์จากเครื่องลงดินหรือสายนิวตรอนไม่ดี
- การเก็บประจุไฟฟ้าสถิตย์ ในเครื่องจักรไม่ดี
- ในป้อมพิมพ์ที่มี ถาดสี มีแม่พิมพ์ มีสี ไม่มีตัวเก็บไฟฟ้าสถิตย์
- ในป้อมพิมพ์ มีวัสดุที่เป็นฉนวนกั้นไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดจากการเสียดสีของฟิล์มกับลูกกลิ้ง ไม่ให้ไกระแสฟฟ้าไหลไปสู่สายกาวด์เช่น ลูก ยางที่ไม่ใช่ชนิดยางพิเศษที่ให้ไฟฟ้าสถิตย์ ไหลผ่านไปสู่แกนเหล็กได้ , ถาดใส่สีไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า(เป็นฉนวน)ให้ไฟฟ้าไหลสู่ส่วนที่ เป็นเหล็ก(แผ่นเหล็กรองถาดสี)ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าสะสมในเครื่องจ้กร ถ้าเกิดประกายไฟ จะทำให้เกิดไฟลุกขึ้นได้
- ชุดเก็บม้วนที่แกน REWINDER เป็นแกนกระดาษที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าไม่ไหลสู่เพลาที่เป็นเหล็กช่วยให้ไฟฟ้าไหลลงกาวด์
- การระบายลมบริเวณป้อมพิมพ์ไม่ดีไม่สามารถดูดไอระเหยของทินเนอร์ในบริเวณนี้ได้หมดหรือเหลือตกค้างในบริเวณนี้ ทินเนอร์จะหนัก กว่าอากาศจะ ลงที่พื้นด้านล่างควรมีการดูดลมด้านล่างเครื่องที่ติดพื้นที่เครื่อง
- การเกิดประกายไฟในบริเวณเครื่องพิมพ์ อาจเกิดจากการเปิดปี๊ปสี การกระทบกระแทกจากในส่วนที่เป็นโลหะต่างๆ
- การวางแผ่นเหล็กเป็นทางยาวเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยการเกิดไฟไหม้และการทำความสะอาดได้ง่าย และต่อสายกาวด์ที่แผ่นเหล็กช่วย การนำไฟฟ้าลงสู่กาวด์ได้ดี
- การติดตั้งอุปกรณ์ที่เก็บไฟฟ้าสถิตย์ เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ไฟฟ้าสถิต์น้อยลง มีผลทั้งความปลอดภัยและคุณภาพงานพิมพ์สีจะไม่แตก เป็นเส้นฝอยๆแบบขนแมวโดยเฉพาะงานพิมพ์ไนล่อน
การต่อสายกาวด์จากเครื่องจักรต่อลงดินหรือสายนิวตรอน ต่อลงดินได้ไม่ดี การเก็บประจุไฟฟ้าสถิตย์ ในเครื่องจักรไม่ดีในป้อมพิมพ์ที่มีตำแหน่ง ถาดสี มีแม่พิมพ์ มีสี ไม่มีการติดตั้งตัวเก็บไฟฟ้าสถิตย์ในป้อมพิมพ์ มีวัสดุที่เป็นฉนวนเป็นกั้นไฟฟ้าสถิตย์ไม่ให้ไฟฟ้าสถิตย์ไหลไปสู่สายกาวด์ เช่น ลูกยางที่ไม่ใช่ชนิดยางพิเศษที่ไม่ปล่อยให้ ไฟฟ้าสถิตย์ ไหลผ่านไปสู่แกนเหล็กได้ , ถาดใส่สีไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า (เป็นฉนวน)ให้ไฟฟ้าไหลสู่ส่วนที่เป็นเหล็ก(แผ่นเหล็กรองถาดสี ) สู่โครงเครื่องจักร ที่เป้นโลหะและต่อสายกาวด์ลงดินชุดเก็บม้วนที่แกน REWINDER เป็นแกนกระดาษที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าไม่ไหลสู่เพลาลูกยางที่เป็นเหล็กช่วยนำให้ไฟฟ้าไหลลงกาวด์การระบายอากาศบริเวณป้อมพิมพ์ไม่ดีไม่สามารถดูดไอระเหยของทินเนอร์ในบริเวณนี้ได้หมดหรือเหลือตกค้างในบริเวณนี้เป็นปริมาณมาก จะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ และ ทินเนอร์จะ หนักกว่าอากาศจะ ลงที่พื้นด้านล่างควรมีการดูดอากาศ ด้านล่างเครื่อง ที่ติดตั้งที่ระดับพื้น ที่วางแท่นเครื่องจักรการเกิดประกายไฟในบริเวณเครื่องพิมพ์ อาจเกิดจากการเปิดปี๊ปสี การกระทบกระแทกจากใน ส่วนที่เป็นโลหะต่างๆการวางแผ่นเหล็กเป็นทางยาวเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยการเกิดไฟไหม้และการทำความสะอาดได้ ง่าย และต่อสายกาวด์ที่แผ่นเหล็กช่วยการนำไฟฟ้าลงสู่กาวด์ได้ดีหรือใช้การปูพื้นเข้าไปในพื้นที่ อยู่บริเวณใต้เครื่องจักรการติดตั้งอุปกรณ์ที่เก็บไฟฟ้าสถิตย์ เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ไฟฟ้าสถิต์น้อยลง มีผลทั้งความปลอดภัยในการทำงานและคุณภาพงานพิมพ์สีจะไม่แตกเป็นเส้นฝอยๆแบบขนแมวโดย เฉพาะงานพิมพ์ไนล่อน ,PET,CPP
***เครื่องจักรแต่ละชนิดไม่สามารถผลิตงานได้ดีทุกๆงานต้องเลือกเครื่องจักร ที่มีความเหมาะสมสำหรับงานนั้นๆ ผู้ขายเครื่องจักรที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำงานในสายตรงด้านการผลิต จะไม่ทราบความต้องการงานที่จะผลิตชนิดนั้นๆต้องการชนิด ,คุณภาพของเครื่องจักรที่สามารถ ผลิตงานได้ตรงตามความต้องการของงานผลิตงานได้ดีหรือไม่ดี เมื่อผลิตไม่ได้หรือไม่ดีก็จะโทษว่าคนทำงานไม่ดี***ปัจจุบันสินค้ามีการแข่งขันด้านการตลาดแข่งขันกันด้านราคากันมาก ซึ่งด้านราคาผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดหรือเลือกผู้ผลิต ทำให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันด้านราคา ต้องมีวิธีในการควบคุมราคาหรือต้นทุนการผลิตให้ต้นทุนต่ำ อยู่ที่การควบคุมคุณภาพให้ได้ดีไม่มีการ REJECT. และที่สำคัญคือการลดการสูญเสีย NC & WASTE จึงต้องเลือกเครื่องจักรที่ถูกต้องเหมาะสมกับงานที่ต้องการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ***
พูดคุยสอบถามปัญหาต่างๆกับผมได้ครับ แต่ว่าผมจะถามกลับทุกครั้ง ที่มีคนที่สนใจสอบถามมาว่าจะทำงานลักษณะใด โปรดเตรียมข้อมูลที่ต้องการสอบถาม ไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถคุยต่อเรื่องงานได้เลยครับ
ด้านล่างบทความมีการตอบปัญหาต่างๆของงานพิมพ์กราเวียร์
มีสินค้าที่ต้องการผลิตปรึกษาเราได้ทั้งเรื่อง เครื่องจักร,คน ,วัตถุดิบ ,วิธีการทำงาน, งบลงทุนหรืออ่านบทความแล้วยังเข้าใจไม่ชัดเจน ติดต่อพูดคุยสอบถามเราได้ครับและสอบถามเรื่องเครื่องจักรได้ ชมเครื่องจักรที่มีหลากหลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมของงาน
***ลูกยางกดทับ ( nip roll,impress roll ) ไม่ดี แข็งเกินไป,นิ่มเกินไป,บวม,เป็นร่อง,เป็นขุย,เหนียว etc. มีผลกับ ระบบควบคุมความตึง-หย่อน ( tension) ของเครื่องจักร เพราะะว่าเมือกดทับได้ไม่ดี ทำให้ระบบ จะไม่แยกการควบคุมเป็นช่วงๆ UNWINDER – IN FEED – OUT FEED- REWINDER จะทำงานไม่แยกส่วนการควมคุม มีผลทำให้ ฟิล์มที่ใช้ผลิตงานจะควบคุมความตึง หย่อนได้ จะยึดและหดเกินกว่าค่ามาตรฐานที่ใช้งานได้ดี***เนื้อยางมีคุณภาพแตกต่างกัน ต้องเลือกการใช้งานให้เหมาะสม เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนกับยางรถยนต์ ต้องเลือกตามการใช้งาน ราคาก็จะผันแปรตามคุณภาพ***ใน vdo การทำงานเครื่องพิมพ์มีภาพลูกยางที่ใช้งานอยู่ใน VDO ควรสังเกตุ***ชุดความคุม REGISTOR MARK สำหรับเครื่องจักรระบบใหม่ ( โดยเฉพาะเครื่องจักร hi -speed )ที่ใช้ระบบการ ขับเคลื่อนเครื่องจักรแบบ SECTIONOL DRIVE (ไม่มีเพลาขับ ) แทนระบบเก่าที่ใช้ MAIN MOTOR (มีเพลาขับ) ต้องมีการจัดวางเลย์เอาท์แม่พิมพ์แบบ MASTER MARK เพื่อเป็นการลดการสูญเสียในการ ตั้งงาน (set up)โดยเฉพาะงาน PE, PA ( NYLON )
vdo. เครื่องพิมพ์ กราเวียร์กำลังทำงาน (gravure printing working ).
ตัวอย่างงาน พิมพ์ 5 สี เรียงแบบ ONE MARK & NEXT MARK สำหรับเครื่องพิมพ์แบบ MAIN MOTOR ( มีเพลาขับ )
1.สีดำ 2.สีฟ้า 3. สีแดง 4. สีเหลือง 5.สีขาว
การทำแม่พิมพ์จะทำสัญลักษณ์ เป็นรูปสามเหลี่ยมที่ด้านขอบฟิล์มที่ใช้พิมพ์ เพื่อให้เครื่องสแกน(registor)ที่ติดตั้งที่เครื่องพิมพ์อ่านค่า เปรียบเทียบความเที่ยงตรงในการซ้อนภาพของแต่ละสี ให้ซ้อนทับกันให้ได้ตรงกันมากที่สุด(ขึ้นอยู่กับคุณภาพเครื่องสแกน registor) ไม่ให้เกิดสีซ้อนกันไม่ตรงจะเกิดภาพพิมพ์ไม่คมชัด(ภาพซ้อนกันเหมือนกับตาลาย)
mark สีที่1. สีดำจะเป็นสีตั้งต้นเป็นสีหลักให้ mark ของ สีที่2 จะหาตำแหน่งตามให้ทับซ้อนกันถูกต้องตรงกับสีที่1.
mark สีที่3.จะหาตำแหน่งตามสีที่2…..mark สีที่ 4. จะหาตำแหน่งตามสีที่3…… สีที่5. จะหาตำแหน่งตามสีที่ 4.
การทำงานเช่นนี้ถ้าสีที่2. ไม่ตรง สีที่ 3.ก็จะไม่ตรงตามกันไปจนถึงสีสุดท้ายสีที่ 5. ทำให้การใช้งานประเภทนี้มีการสูญเสียที่มากกว่ารวมถึงความคมชัดของภาพพิมพ์ที่ดีกว่า
ตัวอย่างงาน พิมพ์ 5 สี เรียงแบบ MASTER MARK สำหรับเครื่องพิมพ์แบบ SECTIONAL DRIVE (ไม่มีเพลาขับ )
1.สีดำ 2.สีฟ้า 3. สีดำ 4. สีแดง 5.สีดำ 6.สีเหลือง 7.สีดำ 8. สีขาว
มีสีที่1. เป็นสีดำเป็นสีตั้งต้น เพื่อให้สีอื่นหาตำแหน่งที่สีดำตัวเดียวกัน โดยการทำงานที่เป็นอิสระต่อกันไม่ไล่เรียงตามลำดับสีแบบเดียวกับ การวางแบบ NEXT MARK ทำให้งานออกมาภาพพิมพ์คมชัด และใช้ความเร็วสูงได้ภาพไม่เหลี่อมซ้อนทับกัน การตั้งงาน (set up) จะมีการสูญเสียน้อย การใช้งานกับ ฟิล์ม PE , PA ( NYLON ) จะได้คุณภาพงานพิมพ์ที่มีความเที่ยงตรง(คมชัด)ดีกว่า
หมายเหตุ….PEและPA(NYLON) เป็นชนิดฟิมล์มที่มีความอ่อนนิ่มมาก มีการยืดตัว การหดตัวสูงมาก PE อาจจะมีการยืด การหดตัวแนวเครื่องจักร ( MD ) เพียงอย่างเดียว ส่วน PA ( NYLON ) มีการยีดการหด ทั้งสองแนว คือจะยืดทั้งทางด้านแนวเครื่อง ( MD ) และด้านข้าง ( TD ) จะขยายออกกว้างขึ้นด้วยทั้งสองแนว ( MD TD ) จะต้องมีการทำแม่พิมพ์ที่เผื่ออัตราการ ยืด – หด ของฟิล์มด้วย ไม่เช่นนั้นจะพบปัญหาขนาดงานไม่ได้ตาม มาตรฐานของลูกค้า เพราะว่าฟิล์มต้องผ่านขั้นตอน การปล่อยม้วน (unwinder) เข้าส่วนพิมพ์สี ( in feed-out feed) ฟิล์มต้องสำผัสกับสีและทินเนอร์ทำให้ฟิล์มอ่อนตัว การความคุมส่วนนี้จึงมีความสำคัญมาก ความสวยงาม ความคมชัด (ภาพซ้อนกันจะไม่คมชัด) ถ้าลูกยางกดทับไม่ดี การดึงฟิล์มจะถูกดึงไปจนตั้งแต่ ตัวปล่อยม้วนไปจนถึงตัวเก็บม้วน โดยตรงไม่ผ่านชุดควบคุมความตึงหย่อนของฟิลืม( tension) จะทำให้ฟิล์ม ยืด-หด ระหว่างช่วงการพิมพ์สี ส่วนตัวเก็บม้วน ถ้าควบคุมไม่ดี ฟิล์มจะเก็บม้วนยับ, ม้วนไหล , ม้วนแน่นบล็อคกิ้ง และ ม้วนหลวม วางม้วนลงพื้นแล้วม้วนยุบแบน (เหมือนยางรถยางแบน )thanit
เกี่ยวกับลูกยาง แบบพิเศษต่างๆ เช่น ลูกยางซิลิโคลน,ลูกยางปั่นหมึกทนโซลเว้นท์,ลูกยางปลอกสลิป,,ลูกยางพากาวเครื่องโซเว้นท์ฟรี (solvent free )โซเวนท์เลส(solvent less)ลูกกลิ้งน้ำเย็น (chill roll) และ ลูกกลิ้งต่างๆในงานอุตสาหกรรม ปรึกษาเราได้ครับ
ด้านล่างบทความมีการตอบปัญหางานพิมพ์กราเวียร์
ฝ่ายขาย ( หรือประสานงานฝ่ายขาย )sale
- รับแบบงาน (art work)จากลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญมากต้องสอบถามความต้องการเรื่องความสวยงามของภาพ ไม่ใช่เพียงแต่ทำตาม ART WORK เพียงอย่างเดียว ต้องนำมาปรับภาพให้เป็นการพิมพ์ระบบกราเวียร์เพราะส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมด จะทำ ART WORK มาเป็นกกระดาษและการให้เฉดสีเป็นการให้ตามแบบการพิมพ์ ระบบ ออฟเซ็ท (พิมพ์กระดาษ) ซึ่งเป็นการให้เฉดสีแตกต่างกันเมื่อนำมาทำแบบกราเวียร์โดยตรงไม่มีการปรับแต่งภาพและเฉดสีเพื่อให้ได้เฉดสีที่ถูกต้องตรงกับความต้องการและสวยงาม เมื่อนำไปทำแม่พิมพ์ระบบกราเวียร์เฉดสีจะออกมาไม่เหมือนกับ ART WORK ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า อาจจะต้องทำแม่พิมพ์ใหม่ซึ่งแม่พิมพ์ระบบกราเวียร์ มีราคาที่สูง ยังไม่รวมถึงต้องเข้าใจขั้นตอนการทำงานอีกว่า ระบบการพิมพ์ใช้เครื่องพิมพ์ความเร็วสูงหรือความเร็วต่ำ เพื่อให้ได้การถ่ายเทสีสู่ฟิล์มที่พิมพ์ได้ถูกต้องและน้ำหนักการดึงม้วนของเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องไม่เท่ากัน จะมีการยืด หด ของฟิล์มทำให้ขนาดของภาพที่ได้ มีความยาว หดสั้นกว่าไม่เท่ากัน ( ต้องใช้ผู้ที่มีกระสบการณ์ ) และต้องเข้าใจขั้นตอนการผลิตขั้นตอนต่อไป ว่าจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง การเคลือบ, การสลิท ,การทำซอง สุดท้ายคือการแพคงานของลูกค้าว่ามีลักษณะการแพคแบบได้.ทั้งหมดนี้ต้องมาจากครั้งแรกที่รับงานต้องเข้าใจปัญหาทั้งหมดและหาข้อมูลการใช้งานให้หมดไม่เช่นนั้นปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน เหมือนจะว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก็ลองพิจารณาให้ละเอียดว่าปัญหาที่เกิดทั้งหมดมาจากการเริ่มแรกตั้งแต่ต้นที่รับงานโดยไม่มีความเข้าใจงานหรือไม่ ?
- ครั้งต่อไปจะเขียนว่า บล็อคความยาวที่ มีราคาสูงกว่า บล็อคที่มีความสั้นนั้น เอาราคาค่าบล็อค (แม่พิมพ์) เปรียบเทียบว่าที่คิดเอาว่าราคาค่าบล็อคเป็นตัวตั้งต้นว่าถูกว่าแพงนั้น ใช่หรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ ? คิดยาวๆ คิดหลายๆมิติ นะครับงานที่ต้องการผลิต และ บล็อค มีราคาที่สูงต้องมีการใช้งานที่ให้คุ้มค่า กับราคา ไม่ได้พิมพ์ครั้งเดียวจบแล้วทิ้งไปแบบเดียวกับกระดาษทิชชู่
เครื่องพิมพ์ที่ดีทำให้ การเคลือบงานพิมพ์ทำให้การเกาะติดดี
อาจจะมีหลายๆความคิดที่หาสาเหตุที่ว่า ทำไม ? ..การเคลือบงานพิมพ์ การเกาะติดของฟิล์มที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์กราเวียร์ บางครั้งการเกาะติดดีมาก แต่ทำไมบางครั้งการเกาะติดไม่ดี ไม่มีความสม่ำเสมอ เหตุผลนี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เป็นสาเหตุเริ่มต้น ที่ทุกๆโรงงาน มีการมองข้ามสาเหตุไปและชอบบอกว่า “ไม่เกี่ยวข้องกัน”แต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักที ( ถ้าไม่เปิดกว้างทางด้านความคิดและรับเรื่องเทคนิคใหม่ๆเข้ามาเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและแนวทางแก้ไข ก็หาคำตอบไม่ได้ )
****รูปแบบเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์งานที่มีเคลือบเงาบนฟิล์มเป็นสีสุดท้าย หรืองานที่มีสีเกาะติดบนฟิล์มหนา(สีพื้นหนา ) ตามรูปเครื่องจักรแบบนี้ ทำให้สีแห้งได้ดีกว่าก่อนที่ฟิล์ม จะเข้าชุดเก็บม้วน (rewinder) เมื่อวานิชและสีแห้งดี (แห้งไม่ดีจะมีสีเหลือง ,ไม่เงา) เมื่อนำไปผลิตขั้นตอนต่อไป ได้ดีไม่พบปัญหาสีบล็อคกิ้ง สีหลุดติดซับหลัง และเมื่อนำไปเคลือบ ลามิเนท ( EXTRUSION ) (ถ้าไปดรายลามิเนทจะมีฟองอากาศเล็กๆ) ระหว่างงานพิมพ์ด้วยฟิล์ม OPP หรือ CPP จะเคลือบโดยตรงไม่มีการโค๊ตน้ำยา (orgatic) ก่อนการเคลือบ โดยการเคลือบด้วยวิธี นี้ ( EXTRUSION) จะเป็นวีธีลาดทับด้วย เม็ดพลาสติก PP ที่หลอมออกมาโดยตรง เมื่อใช้เครื่องพิมพ์รูปแบบนี้พิมพ์งาน การเกาะติดของชั้นเคลือบจะดีมากเพราะผิวฟิล์ม OPP หรือ CPP ที่พิมพ์สีจะมีการระเหยของสีที่ติดผิวฟิล์มจะระเหย ออกมากกว่าเครื่องพิมพ์ปกติ (มีทินเนอร์ หรือตัวทำละลายสีตกค้างมากจะทำให้เคลือบเกาะติดไม่ดี) รวมทั้งกลิ่นสีที่ตกค้างน้อย เพราะมี PRINT UNIT 9 ให้มีการอบแห้งในตู้อบที่มีขนาดใหญ่กว่า ชุดอบ 1-8 ที่มีการร้อยฟิล์มขึ้นไปบนเครื่อง และเพิ่มระยะทางให้ฟิล์มยาวมากขึ้น
ภาพแม่พิมพ์ขนาดเส้นรอบวง 1 เมตร สำหรับพิมพ์ฟิล์ม งานพิมพ์ opp เพื่อเคลือบกระสอบสาน ที่มีขนาดถุงบรรจุข้าว 50 KG.
ภาพเครื่องลามิเนทสำหรับเคลือบงานกระดาษและงานกระสอบสาน.
***ถ้าเป็นแค่การเตรียมการ สร้างโรงงานหรืออยู่ระหว่างการติดต่อซื้อเครื่องจักร ยังไม่มีงาน และมีเครื่องจักรเพื่อให้ทำงานได้ ก็จะมองไม่ออกว่าบุคลากรที่มีอยู่ ของจริงหรือของปลอม ก่อนมีเครื่องจักรมาและก่อนการเริ่มการผลิต บุครากรที่ได้มาเตรียมไว้เพื่อรอการทำงาน จะคุยได้เต็มที่ว่าทำงานได้ สุดยอดฝีมือ แต่เมื่อเครื่องจักรมาให้ผลิตงานจริงๆ ก็จะรู้ว่าที่คุยๆไว้นั้นทำได้จริงหรือไม่ เป็นการพิสูจน์จริงๆ เมื่อทำไม่ได้แล้วก็จะมีข้ออ้างเป็นเพราะเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ยกเว้นการโทษเป็นเพราะตัวเอง ( การพูดเก่งมาก )แต่เมื่อทำงานก็จะทราบว่าทำงานออกมาได้คุณภาพหรือไม่ ถ้าทำได้ก็เป็นความดีที่ได้บุครากรที่ดีมีคุณภาพ แต่ถ้าทำงานไม่ได้ หรือถ้าทำงานได้ก็จะมีความเสียหายสูญเสียสูงมาก ควรพิจรณาหาข้อมูลเรื่องคุณภาพของคนให้มากๆ ไม่ใช่พิจารณาเรื่องเครื่องจักรเป็นสำคัญอย่างเดียว การลงทุนมีความเสี่ยง
อาจมีปัญหา ที่ทุกๆโรงงาน มีการมองข้ามปัญหาไปและไม่มีการยอมรับความคิดเห็น และพุดว่า “สาเหตุต่างๆไม่เกี่ยวข้องกัน” แต่ก็หาคำตอบหรือแก้ไขปัญหาไม่ได้สักที ( ถ้าไม่มีการเปิดกว้างทางด้านความคิดและรับเรื่องเทคนิคการผลิตใหม่ๆเข้ามาเพื่อหาสาเหตุของปัญหา แก้ไขปัญหาให้หมดไป ถ้าไม่พัฒนาทางด้านความคิดก็หาคำตอบไปจนเกษียนก็หาคำตอบไม่ได้ )
***อ่านบทความก็จะทราบดีว่าการเขียนด้วยภาษาพูด เป็นการเขียนบทความจากประสบการณ์การทำงาน สายตรงด้านการผลิตจริง ภาษาที่ใช้เขียนเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารในการปฎิบัติงานในโรงงาน ถ้าผู้อ่านไม่ได้มาจากสายปฎิบัติจริงหรือยังไม่มีประสบการณ์ ในการทำงานในสายงานนี้ อาจจะอ่านบทความแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจบ้างพอสมควร
***ในบทความมีหลายๆระดับความรู้ เลือกหาอ่านเนื้อหาที่อ่านแล้วมีความเข้าใจ ตามพื้นฐานความรู้เรื่องพิมพ์กราเวียร์ ของแต่ละบุคคลครับ ถ้าบางเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆไปก่อน แล้วลองกลับมาอ่านซ้ำเพื่อทำความเข้าใจ เพราะว่ามีรายละเอียดมากทุกขั้นตอนอาจจะเขียนได้ไม่ครอบคลุมทุกเรื่องได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาต่างๆเกิดจาก เครื่องจักร , คน ,วิธีการทำงาน ,วัตถุดิบ ถ้าแยกออกเป็นเรื่องย่อยๆแล้วจะใช้เวลาเขียนนาน ควรอ่านเฉพาะที่มีเข้าใจและที่ต้องการอ่านก่อน เพื่อนำไปใช้ทำความเข้าใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน อาจจะตรงประเด็นกันบ้าง ไม่ตรงประเด็นกันบ้าง คิดเสียว่ายังมีเรื่องราวเรื่อง พิมพ์ระบบกราเวียร์ ให้อ่านบ้างก็ดีนะครับผม
*** มีความต้องการสอบถามเรื่องเครื่องจักร ชนิดที่ต้องการทำงานทุกขั้นตอนการผลิต สอบถามได้นะครับ เราสามารถแนะนำบริษัท ที่ขายเครื่องจักรให้กับท่านได้ เป็นบริษัทนำเข้าเครื่องจักรจากประเทศจีน ที่ให้ความสำคัญ ความคิดเห็นของลูกค้า รับฟังความต้องการของลูกค้า และให้คำแนะนำเครื่องจักรที่ตรงกับชนิดสินค้าที่การผลิตสินค้า, มีบริการหลังการขายที่ดี , มีราคาที่เหมาะสม, สเปคเครื่องที่เหมาะสม ไม่มากเกินความจำเป็นหรือน้อยเกินไปทำให้ทำงานดีๆได้ยาก , มีเครื่องจักร หลากหลายสเปคตามแบบงานที่ทำง่ายๆตั้งแต่ แบบงาน OTOP จนถึงงานที่ต้องการทำสเปคสูง จนถึงงานส่งออกต่างประเทศ เปรียบเทียบราคาและประสิทธิภาพ กับเครื่องจักรจาก ประเทศญี่ปุ่นหรือเครื่องยุโรปที่มีราคาที่สูง เครื่องจักรประเภทเดียวกันได้ในราคาที่เหมาะสมกับงาน คุ้มค่ามากกว่า ***
****ไม่ขอแนะนำเครื่องจักรมือสอง เพราะในการใช้งานเครื่องจักร มือสอง ต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์มาก และต้องมีเทคนิคการผลิตสูง ต้องมีความเข้าใจเบื้องต้น เรื่องการซ่อมแซมบำรุงรักษาด้วยตนเองในระดับหนึ่งเพราะเครื่องจักรจะมีการเสียบ่อย ถ้าจ้างช่างเข้ามาซ่อมจะเสียเวลารอ ค่าใช้จ่ายสูง และข้อจำกัดของเครื่องจักรในด้านการพิมพ์ คุณภาพงานพิมพ์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่การคาดหวังเริ่มต้นจะคาดหวังเพียงเล็กน้อย ผลิตงานง่ายๆ ตามความเข้าใจของตนเองหรือเห็นการทำงานของคนอื่นที่มีประสบการณ์ แต่จริงๆแล้วไม่ง่ายเลย ลองๆสอบถามคนที่ใช้งานเครื่องมือสองผลิตงานกว่าที่จะได้ผลิตงานได้ระดับที่ขายให้ลูกค้าได้ เขาใช้เวลานานเท่าไร ใช้เงินลงทุนไปเท่าไร ใช้เวลานานเท่าไร คงไม่มีใครตอบว่าใช้งานได้ในเดือนแรกที่เริ่มทำงาน อาจจะใช้เวลา 6 เดือนหรือ 1 ปี หรืออจจะใช้งานไม่ได้เลย หาข้อมูลเปรียบเทียบให้ครบถ้วนทุกๆด้านก่อนการตัดสินใจนะครับ
***เครื่องจักรมือสองจะเป็นเครื่องจักรที่เป็นเทคโนโลยี่สมัยเก่า ซึ่งจะไม่ตอบสนองความต้องการสินค้าที่มีการพัฒนารูปแบบ ความสวยงาม ไปมากกว่า จะเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถผลิตงานได้ เช่นงานเคลือบวานิชในขั้นตอนสุดท้ายหลังการพิมพ์สี เพื่อควาามสวยงานและฉีกแนวของสินค้า
บทความ
***ในบทความมีหลายๆระดับความรู้ เลือกหาอ่านเนื้อหาที่อ่านแล้วมีความเข้าใจ ตามพื้นฐานความรู้เรื่องพิมพ์กราเวียร์ ของแต่ละบุคคลครับ ถ้าบางเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจก็อ่านผ่านๆไปก่อน เพราะว่ามีรายละเอียดมากทุกขั้นตอนอาจะเขียนไม่ครอบคลุมทั้งหมด ส่วนใหญ่ปัญหาต่างๆเกิดจาก เครื่องจักร , คน ,วิธีการทำงาน ,วัตถุดิบ ถ้าแยกออกเป็นเรื่องย่อยๆแล้วน่าจะใช้เวลาเขียนนาน อ่านเฉพาะที่เข้าใจและที่ต้องการอ่าน เพื่อนำไปใช้ทำความเข้าใจแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงาน อาจจะตรงประเด็นกันบ้าง ไม่ตรงประเด็นกันบ้าง คิดเสียว่ายังมีเรื่องราวพิมพ์กราเวียร์ให้อ่านบ้างก็ดีนะครับผม
***ความเร็วของเครื่องจักร มีผลกับคุณภาพงานพิมพ์มาก เพราะความเร็วสูงจะให้ความคมชัดของภาพคมชัดมากกว่าความเร็วต่ำ เกิดจากความเร็วที่สูงจะทำให้การถ่ายทอดสีจากหลุมสกรีนแม่พิมพ์สู่ฟิล์มที่พิมพ์ เม็ดสีจะมีขนาดเล็กกว่าเครื่องจักรที่วิ่งด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า ความเร็วต่ำทำให้สีจากหลุมสกรีนถ่ายทอดสู่ฟิล์ม มีขนาดเม็ดสีที่ใหญ่ทำให้ เม็ดสีไม่คมชัดเป็นเม็ดไม่กลมขอบข้างสีไม่เรียบ ไม่คมชัดและจะฟุ้งกระจายไปติดกับเม็ดสีที่อยู่ใกล้เคียง ทดลองเปรียบเทียบกับการปั๊มตรายาง ถ้าปั๊มที่แผ่นจุ่มหมึกแล้วนำตรายาง มาปั๊มลงบนกระดาษโดยใช้ความเร็วสูงในการกดปั๊ม ภาพที่ได้จะเกิดความคมชัด สีจะไม่เลอะหรือเกิดการเปียกแฉะ แต่ถ้าปั๊มช้าๆ ค่อยๆกดลงบนกระดาษน้ำหมึกจะ แฉะ, ซึม ,เยิ้ม ลงบนกระดาษ ไม่มีความคมชัดแต่จะกลับทำให้ภาพเบลอ..นี่คือสาเหตุว่า ทำไมการปรู๊ปงานที่ใช้เครื่องด้วยความเร็วต่ำพราะกลัวจะเกิดการสูญเสียฟิล์มที่ใช้มาก แต่ภาพที่ออกมาจะไม่คมชัด สวยงาม ช่างพิมพ์ก็จะพูดว่า “ตอนปรู๊ปก็เป็นแบบนี้เอง”พิมพ์จริงจะสวยงาม (สวยกว่าตัวอย่างงานของลูกค้าอีก ) ไม่มีการอธิบายเหตุผลที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด …การแตกต่างกันนี้ก็จะเหมือนกรณีการปรู๊ปงานโดยใช้เครื่องปรู๊ปภาพที่ออกมาจะไม่เหมือนกับการพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ที่ใช้พิมพ์งานจริง .และ.เมื่อขนาดของเม็ดสีมีขนาดที่แตกต่างกันสิ่งที่ตามมาก็คือปริมาณการใช้สีก็จะแตกต่างกันด้วย การวิ่งเครื่องจักรเร็วปริมาณการสิ้นเปลืองสีก็จะน้อยกว่าการวิ่งเครื่องจักรช้า ภาพที่ได้จะมีความสดใส,ออกเงางามไม่มืดทึบ(ออกด้าน)เพราะเม็ดสีที่เกิดจากการใช้เครื่องจักรความเร็วสูง เม็ดสีจะมีขนาดเล็ก,กลม และ เกิดช่องว่างระหว่างสีบนฟิล์มที่พิมพ์มีช่องว่างพื้นที่ใส ระหว่างเม็ดสีจะห่างกันทำให้ดูโปร่งใส (ทดลองเปรียบเทียบกับ ภาพทีใช้ทดสอบการตาบอดสี เม็ดสีจะเป็นรูปที่ห่างกันแบบนั้นเมื่อใช้กล้องขยายส่อง ตั้งแต่ 10 เท่า (10 x) ขึ้นไป จะเห็นเม็ดสีได้อย่างชัดเจน และความหนาของเม็ดสีจะแตกต่างกัน ทดลองใช้เครื่องจักรเดียวกันแต่ใช้ความเร็วต่างกับเช่น ความเร็ว 80 เมตรต่อนาที แล้วตัดชิ้นงานเก็บไว้ และเพื่มความเร็วที่ 120 เมตรต่อนาที ตัดชิ้นงาน ทั้งสองความเร็ว ขนาด ก้วาง 10 x 10 ซ.ม. แล้วชั่งน้ำหนักด้วยเครื่องชั่งที่มีความละเอียดขนาดชั่งมีหน่วยเป็นกรัม จะเห็นว่ามีน้ำหนักที่แตกต่างกัน ที่ตัดขนาด 10 x 10 ซ.ม. เพราะว่าเป็นอัตราส่วนที่เป็นอัตราส่วนย่อขนาดของ 1 ตารางเมตร 10 เท่า thanit
***การเลือกเครื่องจักรให้ถูกต้องกับชนิดของงานที่ต้องการผลิต เป็นสิ่งที่สำคัญ “ เพราะว่าเครื่องจักรมีหลายแบบ แม้ว่ารูปร่างเครื่องจักรจะเหมือนๆกันGc แต่เครื่องจักรแต่ละแบบ ถูกออกแบบมาให้ทำงานตรง และเหมาะสม กับชนิดของสินค้า จะทำงานได้ดีกับชนิดสินค้าที่ต้องการผลิต ส่วนสินค้าที่มีความแตกต่างกันออกไปจากการออกแบบเครื่องจักร ผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องจักร ต้องให้ข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้ขายเครื่องจักรเพื่อให้ข้อมูลที่ใช้ในการผลิตเครื่องจักรได้ตรงกับสินค้า… เครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาทั่วๆไป จะผลิตสินค้าได้คุณภาพได้ไม่ดีเท่ากับเครื่องจักร ที่ออกแบบมาตรงชนิดกันกับความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆ (เพราะสินค้ามีรูปแบบและคุณสมบัติที่หลากหลายชนิดแตกต่างกันมาก) เช่น ต้องการพิมพ์งานที่มีการเคลือบ วานิช หรือ เคลือบ โพลี่ยูรีเทน ( PU ) เพื่อให้ฟิล์มมีความฝ้าเป็นบางจุด& เงาเป็นบางจุด (matt ) ต้องใช้เครื่องจักรที่ออกแบบมาลักษณะอย่างไร ถึงจะสามารถทำงานได้ดี คุณภาพงานออกมาดี ทำให้วานิชแห้งได้ดีไม่เหนียว,บล็อคกิ้งหรือวานิชที่เคลือบอกมาบนสินค้า เป็นสีเหลืองขุ่นไม่ใส และเงา ถ้าเลือกเครื่องจักรไม่ถูกต้องกับการใช้งานจะเกิดปัญหาในการผลิต สูญเสีย หรือไม่สามารถผลิตงานได้
ลักษณะเครื่องจักรที่จะใช้งานพิมพ์ ควรให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ต้องการพิมพ์เป็นสำคัญ ว่าจะเน้นพิมพ์กับวัตถุดิบชนิดใด ลักษณะการพิมพ์ พิมพ์บนหรือพิมพ์ล่าง พิมพ์วัตถุดิบเป็นถุงหรือพิมพ์วัตถุดิบเป็นแผ่นฟิล์ม การผลิตต่อจากการพิมพ์เพื่อไปผลิตในขั้นตอนต่อไป เช่นส่งดรายลามิเนท,ไปเคลือบ EXTRUDSION,ไปสลิท,ไปทำซอง
– ต้องการพิมพ์งานที่มีการเคลือบ วานิช หรือ เคลือบ โพลี่ยูรีเทน เพื่อให้ฟิล์มมีความฝ้าเป็นบางจุด เงาเป็นบางจุด (matt )
– ต้องการพิมพ์ฟิล์มจากการ คาสฟิล์ม (cast film )……PET, OPP , MAT OPP , PA (nylon) , OPP , PVC
– พิมพ์ฟิล์มจากการ เป่าเป็นแผ่น ( blow film )…. LLD.PE, LD.PE ,PP , HD.PE
– ต้องการพิมพ์ถุงจากการเป่า เป็นถุง ( blow tube )…LLD.PE,LD.PE, PP, HD,PE
– ต้องการพิมพ์ กระดาษ หรือ แผ่นอลูมิเนียม
– ต้องการพิมพ์ M-PET, M-OPP, MCPP, MATT OPP
– ต้องการงานพิมพ์บนฟิล์ม หรือ พิมพ์ด้านล่างฟิล์ม
ซึ่งต้องเลือกเครื่องจักรให้เหมาะสมกับวัตถุดิบที่ต้องการพิมพ์ด้วยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะว่าวัตถุดิบมีความแตกต่างกัน ด้านคุณสมบัติ – ความยืดหยุ่น,ความหนา,ความแข็ง,ความลื่น,ความฝืด,ผิวเรียบ-ขรุขระ,ความใส,ความทึบแสง,น้ำหนัก….etc…..ทุกอย่างนี้มีผลต่อเครื่องพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ให้ตรงชนิดกับวัตถุดิบ เพื่อให้ได้คุณภาพการพิมพ์ที่ดีมีความคมชัดสวยงาม
***การที่จะทราบว่าโรงงานมีปัญหาในการผลิตสินค้าให้ลูกค้าหรือไม่เริ่มตั้งแต่ การประชุมทุกส่วน ทุกแผนกในโรงงาน เรื่องที่ประชุมคือ สถาณะการณ์ ปัจจุบัน ที่รับงานที่มีผลมาจากการที่ ลูกค้า nc – complen- reject ร่วมประชุมเพื่อหาสาเหตุ ,การแก้ไข ,การป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ ถ้าได้รับคำตอบแบบไม่มีข้อสรุป ดังนี้ วนไปวนมา วนเป็นวงกลม ไม่สิ้นสุดและหาผลสรุปไม่ได้ คือ
- ช่างพิมพ์…..จะโทษว่าเป็นที่…..สีไม่ดี,เครื่องจักรไม่ดี, แม่พิมพ์(บล็อค)ไม่ดี ,ฟิล์มที่ใช้ไม่ดี , ลูกน้องไม่ดี
- ร้านทำแม่พิมพ์(บล็อค)…..จะโทษว่าเป็นที่ ….ช่างพิมพ์ไม่ดี ,เครื่องพิมพ์ไม่ดี , แบบงาน (ART WORK )ไม่ดี, ลูกค้า ไม่ดี ,ฝ่ายขาย (เซลล์)ไม่ดี
- ร้านขายสี…..จะโทษว่าเป็นที่…..ฟิล์มไม่ดี , แม่พิมพ์ ( บล็อค )ไม่ดี, ช่างพิมพ์ (ช่างทำสี )ไม่ดี
- ฝ่ายขาย (เซลล์) …..จะโทษว่าเป็นที่….. ลูกค้าไม่ดี,ช่างพิมพ์ไม่ดี,สีไม่ดี ,ช่างทำสีไม่ดี ,แบบงาน (art work)ไม่ดี,คิวซี ไม่ดี
****ถ้าผลที่ได้รับจากการประชุมเป็นแบบนี้แสดงว่ากำลังเกิด “ปัญหาที่แก้ไม่จบ” ( จากประสบการณ์ น่าจะเป็นปัญหาเหมือนๆกันทุกโรงงาน ) ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ “ลูกค้า” …….จะเขียนอธิบาย ขยายความในครั้งต่อไปครับ .!
***ในแต่ละหัวข้อด้านกลางๆบทความ จนถึงจบบทความ จะมีคำถามแสดงปัญหาที่เกิดขึ้นและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นคร่าวๆเพื่อเป็นข้อควรระวัง ในการผลิตงาน ขอแนะนำเข้าไปอ่าน ครับ****
***การผลิตทุกขั้นตอนมีความสำคัญทุกขั้นตอน จนกระทั่งสินค้าส่งถึงลูกค้า ทุกขั้นตอนการผลิตมีผลกระทบกันต่อเนื่องกัน ไม่ใช่มีผลเพียงมีความสำคัญเพียง ขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่รับงานจากลูกค้ามาจนถึง มือลูกค้ารับสินค้าด้วยความพึงพอใจ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด***( ในบทความขั้นตอนการผลิต )
# ในปัจจุบัน ( 14/9/59 ) พบว่าโรงงานอุตสาหกรรม การพิมพ์กราเวียร์ ขาดแคลนช่างผสมสีและช่างที่สามารปรับใช้สีได้ดี ในปัจจุบันโรงงานมีเงินเพียงพอที่สามารถซื้อเครื่องจักรที่คุณภาพดี ราคาที่สูงได้ เพื่อให้ได้งานพิมพ์มีความคมชัดสูงความตรงของภาพสูง*** แต่ก็ยังพบปัญหาสีของภาพพิมพ์เฉดสีไม่ตรงกับแบบพิมพ์ (art work) หรือการควบคุมคุณภาพของเฉดสีระหว่างผลิตงาน ไม่สามารถควบคุมได้ทำให้เฉดสีมีความแตกต่างกัน ในการผลิตงานล็อตเดียวกัน งานที่ผลิตออกมามีหลายเฉดสี ..การ์เวียร์คอน.คอม.. ต้องแก้ปัญหานี้ต้องใช้ช่างใช้สี ,ช่างผสมสี ที่มีความชำนาญ และเทคนิคการใช้สีสูง มีประสบการณ์สูง แต่ช่างใช้สี ,ช่างผสมสี ที่มีประสบการณ์สูง จะไม่ให้การยอมรับวิธีการแก้ไขปรับปรุงเทคนิคการทำงาน หรือ การปรับวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่จะทำให้มีประสิทธิภาพ,คุณภาพดีขึ้น เพื่อลดปัญหาต่างๆให้น้อยลงกว่าแนวทางการทำงานเดิมๆที่เคยทำมา การปรับเฉดสีผิดพลาดทำให้ปริมาณการใช้สีมากเกินกว่าปริมาณ ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น จากาารคิดราคาต้นทุนในการคิดราคาขายสินค้า มีผลต่อการ ขาดทุนได้ ต้องนำปริมาณสีเก่าที่เหลือจากการใช้งานมาคิดต้นทุนในการผลิตด้วย จะสะท้อนต้นทุนได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่า ถ้าไม่นำสีเก่ามาคิดราคาต้นทุนด้วย ผลที่ออกมาก็คือ การผลิตครั้งแรกอาจจะคิดราคาต้นทุนออกมาแล้วขาดทุนมาก แต่เมื่อมีการผลิตงานเก่าในครั้งต่อไป (ผลิตซ้ำ) จะทำให้คิดต้นทุนออกมาเป็นการมีกำไรมาก ซึ่งเป็นผลจากการที่ช่างผสมสี ที่ไม่สามารถควบคุมการปริมาณการใช้สีและการเก็บข้อมูลสีเก่าที่เหลือจากการผลิตได้ดี มีผลกับการคิดต้นทุน และคิดราคาขายที่ผิดราคา***
***การควบคุมปริมาณการใช้สีใหม่ และ ควบคุมปริมาณสีเก่าที่ใช้แล้วเหลือจากการผลิตให้มีปริมาณเหลือน้อย และสามารถปรับคุณภาพเพื่อนำกลับมาใข้งานมี่จะทำการผลิตงานต่อไป เป็นการลดต้นทุนการผลิตได้มาก การควบคุมปริมาณที่เหลือใช้จากงานเก่าไม่ดีและไม่มีการเก็บสต็อคให้ดีจะมีการสูญเสียในส่วนนี้สูง สีจะหมดอายุการใช้งาน หรือนำกลับมาหมุนเวียนใช้งานไม่ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น ช่างผสมสี,ช่างปรับสีจึงมีความสำคัญมาก
*** ปัจจุบันการซื้อ -ขายเครื่องจักร ที่ผู้ขายเครื่องจักรมีความต้องการแต่เพียงต้องการขายเครื่องจักรอย่างเดียว มีการนำเสนอ ในการแนะนำสิ่งแรกที่ให้เกิดความจูงใจกับผู้ซื้อคือราคาที่ถูก มีการลดราคาได้มากจากการต่อรองของผู้ซื้อ ผู้ซื้อจะมีความภูมิใจว่าได้ซื้อเครื่องจักรที่มีราคาถูก ( ถูกกว่าที่ผู้ซื้ออื่นที่ได้ซื้อไปก่อนหน้า ) เป็นการเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ซื้อให้ความสนใจมากที่สุด หรือเพิ่มเติม วิธีการใช้งานเครื่องจักร , การควบคุมเครื่องจักร แค่เพียงเท่านั้นไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อเครื่องจักรอาจจะไม่มีความเข้าใจ ว่าลักษณะงานที่ผู้ซื้อเครื่องจักรมีความต้องการผลิตสินค้าชนิดนั้นๆได้เลือกเครื่องจักร ตรงตามความต้องการหรือไม่ อาจจะเกิดความผิดพลาดซื้อเครื่องจักรที่ไม่สามารถผลิตงานได้ตรงความต้องการ จะเกิดความเสียหายสูงมากเมื่อซื้อเครื่องจักรมาจอด เพราะเครื่องจักรที่ซื้อมาไม่ตรงกับการผลิตสินค้าที่ต้องการผู้ขายเครื่องควรให้คำแนะนำผู้ซื้อว่าลูกค้าต้องการผลิตสินค้าชนิดใด เครื่องจักรที่เหมาะสม คือเครื่องจักรต้องมีลักษณะอย่างไร ให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับชนิดงานนั้นๆ การป้องกันงานสูญเสียที่มีผลกับต้นทุนการผลิต และแนะนำขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง เพราะปัจจุบันผู้ซื้อเครื่องจักร จะคำนึงถึงราคาเครื่องจักรที่มีราคาถูกเป็นลำดับแรก จุดนี้เองเป็นจุดที่ผู้ขายใช้เป็นสิ่งจูงใจลำดับแรกแต่เมื่อซื้อเครื่องจักรแล้วไม่ตรงกับความต้องการผลิตหรือผลิตได้คุณภาพไม่ดี มีการสูญเสียสูง ผู้ขายเครื่องจักรไม่เข้ามาเยี่ยมเยียน เพื่อร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกันให้กับผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจในการใช้งานเครื่องจักรได้ตรงตามความต้องการ ปล่อยให้ผู้ซื้อเครื่องจักร เป็นผู้รับรับปัญหาในการที่ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ เรื่องนี้มีความสำคัญที่ผู้ซื้อควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ผู้ขายเครื่องจักรประเภทที่เมื่อมีปัญหาในการผลิตงานก็เพียงให้คำพูดการยืนยันอย่างเดียวว่าเครื่องจักรที่ตนเองขายนั้นดีที่สุดในโลก จะโทษแต่คนทำงาน(operator )ไม่ดี ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องจักร ควรให้ความพิจารณาเป็นพิเศษ ***
เครื่องพิมพ์กราเวียร์ (Gravure Printing )
คือเครื่องพิมพ์สำหรับพิมพ์พลาสติกชนิดอ่อน( Flexible ) ลักษณะเป็นฟิล์มแผ่นบาง มีชื่อเรียกตามชนิดของพลาสติก เช่น OPP,CPP , PET ,NYLON , PE ทำการพิมพ์ตามรูปภาพที่ต้องการ มีจำนวนสีการพิมพ์ตั้งแต่ 1 สีเป็นต้นไป เช่น ถุงน้ำแข็ง จนถึงขนาดที่มีจำนวนสีหลายสี เช่น ซองบะหมี่, ซองบรรจุมันฝรั่ง, น้ำยาล้างจาน,ถุงน้ำตาล1 กก.,ถุงข้าว 5 กก. กระสอบสานเคลือบ opp, cpp เป็นต้น ต้องมีความชำนาญในการผลิตเริ่มตั้งแต่ขบวนการออกแบบ , การทำแม่พิมพ์, การพิมพ์ , การเคลือบ , การสลิทแบ่งม้วน , การทำซองรูปแบบต่างๆ
การทดลองหาค่าเปอร์เซ็นต์สีในการทำแม่พิมพ์ ( finger print )
การทดลองทำแม่พิมพ์ครั้งแรก เพื่อใช้สำหรับเครื่องจักรครั้งแรก ต้องมีการทดลองหาค่าเปอร์เซ็นต์สี ( finger print )ในการทำแม่พิมพ์เพื่อทดลองหาค่าการทำแม่พิมพ์ว่ามีค่าเปอร์เซ็นต์สีที่เหมาะสมกับเครื่องจักรที่มาใหม่นี้ ว่าจะสามารถถ่ายทอดสีจากแม่พิมพ์สู่ฟิล์มได้ดีที่สุดมีค่าความลึกและองศาของสกรีนที่เจาะหลุมแม่พิมพ์มีค่าเท่าไรที่ สามารถทำเปอร์เซ็นต์สีที่ต่ำสุดและสูงสุดที่เกาะติดลงบนผิวฟิล์มว่าต้องมีค่าของความลึกของหลุมสกรีนที่รองรับสีว่าควรมีความลึกเท่าไร เพราะมีผลกับภาพพิมพ์ที่ออกแบบมาก คือจะมีผลทำให้เปอร์เซ็นต์สีที่รูปภาพหลังการพิมพ์ออกมามีความแตกต่างสวยงาม, เพื่อให้มีมิติ (ความลึกของภาพ), ตรงกับภาพที่ถูกออกแบบมาก่อนทำแม่พิมพ์ (art work ) ทำให้เกิดความสวยงาม…..เพื่อหาค่าเปอร์เซ็นต์สีที่ใช้แล้วทำการเจาะหลุมแม่พิมพ์ได้เหมาะสมและถูกต้องกับความเร็วของเครื่องจักร เพราะเครื่องจักรแต่ละเครื่องมีความเร็วไม่เท่ากัน ,ขนาดเครื่องจักรไม่เท่ากัน หรือการใช้วัตถุดิบต่างชนิดกันจะใช้ความคุณภาพงานพิมพ์ที่ออกมาแตกต่างกันด้วย เรา.การ์เวียร์คอน.คอม การหาค่านี้จะทำให้ได้ค่าการให้เปอร์เซ็นต์การเจาะแม่พิมพ์ที่่เหมาะสมกับเครื่องจักร ให้ภาพพิมพ์ออกมาได้ดีที่สุด…..จะไม่พบปัญหาว่าภาพปรู๊ปตัวอย่างจากคอมพิวเตอร์ ออกมาสวยตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่เมื่อทำแม่พิมพ์ออกมาและปรู๊ปจริงที่เครื่อง ภาพออกมาไม่สวยงามเท่ากับที่ปรู๊ปในคอมพิวเตอร์ ( อีกกรณีหนึ่งคือการปรู๊ปที่เครื่องปรู๊ป จะไม่เหมือนกับการปรู๊ปที่เครื่องพิมพ์จริง เพราะว่าเครื่องปรู๊ปและเครื่องพิมพ์มีความเร็วไม่เท่ากัน )thanit
***การให้เปอร์เซ็นต์สีคือการให้จำนวนเปอร์เซ็นต์สีว่าในภาพที่ต้องการพิมพ์ว่าควรให้ปริมาณสีในภาพของแต่ละสีแบ่งเป็นสีละกี่เปอร์เซ็นต์แล้วรวมกันทุกสีออกเป็นภาพเดียวกัน เช่น สีฟ้า 20 % ,สีแดง 5 %,สีเหลือง 10 % ,สีดำ 3 % , สีขาว 62% .การให้เปอร์เซ็นต์สีมีการให้ตั้งแต่ 0 % ถึง 100% แต่ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องจักรนั้นว่าจะสามารถ ถ่ายทอดสีออกจากแม่พิมพ์ออกไปติดฟิล์มที่พิมพ์ได้เปอร์เซ็นต์ที่เท่าไร เช่น เครื่องจักร A.สามารถให้เปอร์เซ็นต์สีได้ตั้งแต่ 3 % ขึ้นไปจนถึง 100% ……แต่เครื่องจักร B.สามารถให้เปอร์เซ็นต์สีได้ตั้งแต่ 10 % ขึ้นไปจนถึง100% .แต่ถ้าเครื่องจักร B ทำแม่พิมพ์มาให้เปอร์เซ็นสีตั้งแต่ 3% จะทำให้สีตั้งแต่ 3 % ถึง 9 % จะไม่ถูกถ่ายทอดออกมาจากแม่พิมพ์ไปติดผิวฟิล์มภาพจะไม่มีสีส่วนนี้จะถูกสีส่วนอื่นมาบังทับหรือมองเห็นทะลุผ่านถึงสีพื้นหลังของงาน..ทำให้ภาพพิมพ์ออกมาไม่สวยงามตรงตามแบบ( art work )
***การที่คุณภาพเครื่องพิมพ์ ความเร็วต่ำ ทำให้การภ่ายเทเม็ดสีที่อยู่ในหลุมสกรีนของแม่พิมพ์ที่มีความละเอียดมาก ไม่สามารถถ่ายเทลงบนฟิล์มได้เหมือนกับเครื่องพิมพ์ความเร็วสูง ทำให้คุณภาพการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ความเร็วต่ำความคมชัดสวยงามของภาพพิมพ์น้อยกว่าเครื่องพิมพ์ความเร็วสูง แต่จะทำการแก้ไขให้คุณภาพของภาพพิมพ์ดีขึ้น ด้วยการใช้ลูกยางกดทับฟิล์มบนแม่พิมพ์ (IMPRESS ROLL)ที่มีชุดปล่อยกระแสไฟฟ้าสถิตย์ (หรือภาษาช่างพิมพ์เรียกว่าลูกยางไฟฟ้า) การทำงานคือมีชุดปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงดันต่ำผ่านลูกยาง(ลูกยางพิเศษที่ให้กระแสไฟ้าไหลผ่านได้) ไปสู่แม่พิมพ์เพื่อดึงดูดสีที่อยู่ในส่วนลึกสุดของหลุมสกรีน ที่มีความละเอียดมาก อาจจะถึงที่มีน้อยถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นมาติดบนผิวฟิล์มได้หมด(ปกติจะได้ประมาณ 5 – 8 เปอร์เซ็นต์)ทำให้ภาพพิมพ์ที่มีส่วนปลายภาพเล็กๆเช่น ปลายควันกาแฟ, ปลายขนสุนัข ,ผิวเปลือกกุ้ง,เส้นบะหมี่,รูปแก้มคน ที่อยู่บนภาพไม่มีรอยด่างหรือสีที่ขึ้นไม่เต็ม จะขึ้นมาเต็มทำให้ภาพคมชัด สวยงามไม่ด่างและขาดหายไป ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับงานพิมพ์กระดาษ จะเห็นผลมากที่สุด
***สำหรับเครื่องจักรที่ไม่ได้ทำขั้นตอนนี้ตั้งแต่ครั้งแรก ไม่ต้องทำการทดลองแบบนี้ใหม่ สามารถนำงานเก่าที่พิมพ์แล้วส่งให้ร้านทำแม่พิมพ์ตรวจเช็คหาค่าเปอร์เซ็นต์สีที่เหมาะสมกับเครื่องจักรนี้ได้..
ในที่นี้ขอพูดถึงกระบวนการพิมพ์ให้ได้คุณภาพที่ต้องการ
- เครื่องจักรต้องเหมาะสมกับงาน เช่น ต้องการพิมพ์วัสดุที่มีความแข็งประเภท กระดาษ อลูมิเนียม ต้องมีเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรับน้ำหนักที่มากและแรงดึงที่สูง และ ถ้าหากต้องการพิมพ์วัสดุที่มีความนิ่ม ต้องใช้เครื่องจักรที่มีตัวควบคุมความตึง-หย่อน ( Tension Control ) มีความละเอียดสูง
- พนักงานควบคุมเครื่องจักรต้องมีประสบการณ์ในการควบคุมเครื่องจักร ระหว่าง 3-5 ปี เพราะเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ต้องใช้ความชำนาญในการควบคุมและปรับแต่งเครื่องจักร ในเรื่องการควบคุมการใช้สีที่ถูกต้องตรงตามตัวอย่างของลูกค้า
- วัสดุที่ใช้ต้องมีความเหมาะสมกับสินค้านั้นๆ ดังเช่น ถุงบรรจุน้ำมันพืช ควรใช้ฟิล์มพลาสติกชนิดที่มีความคงทนกับการซึมผ่านผิวฟิล์มถ้าไม่ถูกชนิดจะทำให้เกิดการรั่วซึมและน้ำม้นพืชมีกลิ่นเหม็นหืน
- วิธีการทำการต้องมีขั้นตอนการทำงานที่ถูกต้อง ทั้งในการควบคุมเครื่องจักรและการใช้สี ผสมสีให้ถูกต้องจะทำให้มีคุณภาพงานพิมพ์ที่ดี ภาพตรงคมชัด และเฉดสีถูกต้องตรงความต้องการของลูกค้า
ส่วนที่สำคัญของเครื่องพิมพ์กราเวียร์
- ตัวเก็บม้วน ( Rewind ) ต้องมีตัวควบคุมการเก็บม้วนให้เรียบสม่ำเสมอเพราะมีผลกับคุณภาพงานพิมพ์ให้คมชัดและม้วนฟิล์มไม่ยับหรือ ขนาดงาน ยืด-หด
- ตัวปล่อยม้วน ( Unwind ) เช่นเดียวกับตัวเก็บม้วน ( Rewind )
- ตัวควบคุมแรงตึง ( Tension Control ) ต้องมีความเหมาะสมกับชนิดของฟิล์ม เช่น ฟิล์มที่มีความแข็งและหนาต้องใช้เทนชั่นที่มีแรงดึงสูง ฟิล์มชนิดอ่อนและบางควรใช้เทนชั่นที่มีแรงดึงต่ำ
- แม่พิมพ์เป็นต้นทางในการทำรูปแบบของงานต้องทำแม่พิมพ์ที่มีคุณภาพตรงตามรูปแบบงานและเหมาะกับเครื่องจักร
- ลูกยางกดทับฟิล์ม ต้องมีความแข็งของเนื้อยางและชนิดเนื้อยาง ที่เหมาะสมกับชนิดของฟิล์มที่ใช้ในการผลิต
- ถาดสี ต้องมีขนาดที่สามารถบรรจุปริมาณสีได้มากเพียงพอให้สมดุลย์กับความเร็วของเครื่องจักร
- ปั้มสี ต้องมีแรงดันที่สามารถปั้มสีเข้าถาดสีได้สม่ำเสมอและหมุนเวียนได้ทั่วถึงทั้งถาดสี และแม่พิมพ์
- ใบมีดปาดสี ( Doctor Blade ) ต้องมีคุณภาพที่ดีสามารถปาดสีที่ติดกับแม่พิมพ์ได้ทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาสี ส่วนเกินติดไปในสิ่งพิมพ์
- ตู้อบสี ต้องมีแรงลมร้อนและอุณภูมิ ที่เหมาะสมสามารถอบสีที่ติดกับสิ่งพิมพ์ให้แห้ง ไม่หลุดลอกไปติดส่วนอื่น หรือสีหลุดติดลูกกลิ้ง
- การล้างทำความสะอาดบล็อค(แม่พิมพฺ์)และถาดสี มีความสำคัญมาก ควรล้างให้สะอาดเพื่อจะไม่มีสีตกค้างใน หลุมสกรีน จะเป็นปัญหา เรื่องเฉดสีในการพิมพ์ครั้งต่อไป ***ไม่มีแปรงขัดแม่พิมพ์ที่มีขนาดเล็กมาก ที่จะสามารถ ทำความสะอาดได้ลึกจนสุดปลายหลุมสกรีน***
- ไม่ควรมีสีตกค้างที่ส่วนที่ลึกสุดของปลายหลุมสกรีนแม่พิมพ์ ควรทำความสะอาดแม่พิมพ์ให้สะอาด เหมือนแม่พิมพ์ใหม่ ที่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน จะได้เฉดสีที่ดีและ ปรับแต่งเฉดสีได้ถูกต้องและง่าย (การมีสีตกค้างจะทำให้เมื่อพิมพ์งานไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง สีเก่าที่ตกค้างอยู่จะค่อยๆละลายออกมา ไปรวมกับสีที่ใช้งานอยู่แล้วใน ถาดสี ทำให้เฉดสีไม่ตรงตามที่ปรู๊ปไว้ครั้งแรกก่อนพิมพ์ )
- การใช้ชนิดของสี ให้ถูกต้องกับวัถุดิบที่พิมพ์ ,ชนิดสารทำละลายสี, อัตราส่วนการผสมสารทำละลาย สี,คุณภาพของสารละลายมีผลต่อคุณภาพของภาพพิมพ์มาก ทำให้ความคมชัดของภาพพิมพ์เฉดสีที่ออกมาตรงกับตัวอย่างได้มากที่สุดthanit
ปัญหาที่พบการพิมพ์ระบบกราเวียร์(found problems )
ภาพไม่ตรงสม่ำเสมอทั้งภาพ.(This picture is not uniform across the image.)
- เกิดจาก.ปั๊มสีมีความแรงไม่พอให้สีหมุนเวียนได้สม่ำเสมอ..และการทำงานไม่รอให้สีหมุนเวียนทั้งในถาดสีและถังใส่สีให้หมุนเวียนได้เฉดสีท่เท่ากันทั้งหมดก่อนทั้งที่ในถาดสีและถังสี การรีบร้อนเดินเครื่องจักรก่อนที่สีหมุนเวียนก่อนที่ได้เฉดสีสม่ำเสมอกัน จะทำให้เฉดสีไม่เหมือนกันแม้เป็นงานม้วนเดียวกัน ต้นม้วนจะเป็นเฉดหนึ่ง ปลายม้วนจะเป็นเฉดหนึ่ง หรืองานพิมพ์ออกมาแต่ละม้วนเฉดสีจะไม่เหมือนกันทุกม้วน
ภาพไม่ตรงเป็นบางช่วงการพิมพ์
- เกิดจาก.ฟิล์มบวม,แม่พิมพ์ไม่เรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งลูก,ลูกกลิ้งเอียง,น้ำในลูกกลิ้งน้ำเย็น ไม่เย็น..
ภาพไม่ตรงบางภาพด้านข้าง
-เกิดจาก….ฟิล์มบวม,แม่พิมพ์ไม่เรียบสม่ำเสมอ,ลูกกลิ้งเอียง,น้ำไม่เย็น,ลมในตู้อบสีเป่าแรง, ตั้งอุณหภูมิตู้อบสี สูงเกิน
ภาพไม่ตรงบางภาพด้านบนภาพ
- เกิดจาก…..น้ำในลูกกลิ้งน้ำเย็นไม่เย็น.ลมในตู้อบสีเป่าแรง,ตั้งอุณหภูมิตู้อบสี สูงเกินไป
ภาพสีไม่เหมือนทั้งภาพ.
- เกิดจาก..ผสมสีไม่ถูกต้อง,การผสมสี สียังไม่ผสมเข้ากันได้ดี รีบเดินเครื่องจักรแล้วปรับสีขณะเครื่องจักรเดินเครื่องไม่จอดเครื่อง.เพื่อปรับสีที่ต้องจอดเครื่องเพราะปั๊มสีไม่สามารถปั๊มสีให้หมุนเวียนได้เร็วเท่ากับความเร็วของเครื่อจักร ทำให้สีที่ผสมหรือปรับแล้วหมุนเวียนระหว่างถังใส่สีที่ปั๊มขึ้นถาดสีหมุนเวียนไม่ทัน..หรือต้องรอให้สีหมุนเวียนได้ทั่วถึงก่อน จึงเริ่มเดินเครื่องจักร
ภาพสีไม่เหมือนเป็นบางภาพ
- เกิดจาก….แม่พิมพ์ทำมาภาพไม่สม่ำเสมอ, การตั้งระดับความสูง-ต่ำ ใบมีดปาดสีไม่เท่ากัน.,ปั๊มสีไม่มีความแรงเพียงพอ
ภาพไม่เหมือนกันทุกม้วน.
- เกิดจาก…..การผสมสีไม่ถูกต้อง,การผสมสียังไม่ผสมเข้ากันได้ดี รีบเดินเครื่องจักรและปรับสีขณะเครื่องจักรเดินเครื่องไม่จอดเครื่อง,ปั๊มสีไม่มีความแรงทำให้ปั๊มขึ้นถาดสีไม่เพียงพอ..หรือต้องรอให้สีหมุนเวียนได้ทั่วถึงก่อน จึงเริ่มเดินเครื่องจักร
ภาพพิมพ์ออกมาภาพเป็นคลื่น.
- เกิดจาก….. ลูกยางผิวไม่เรียบ,ความแข็งลูกยางแข็งเกินมาตรฐาน ,สีเหลว.
* สีเลอะบนภาพเป็นคราบ
- เกิดจาก.สีในถาดสีเป็นฟองอากาศ…กระบองปั่นสีหมุนเวียน
สีไม่ดี ทำให้เกิดฟองอากาศในถาดสีและไปติดแม่พิมพ์
* สีเส้นสีลากบนภาพ
- เกิดจาก….สีมีความเข้มข้นสูง,มีสิ่งสกปรกติดใบมีดปาดสี.และถาดสีมีความลึกไม่เพียงพอ แม่พิมพ์ใกล้กับก้นถาดสีมากเกินไป ทำให้แม่พิมพ์หทุน นำเศษสิ่งสกปรกใต้ก้นถาด หมุนพัดติดขึ้นมาที่ใบมีดปาดสี ทำให้ใบมีดสกปรก ปาดสีไม่หมด
* สีเป็นเส้นเป็นบางช่วง
- เกิดจาก….สีมีความละเอียดของเม็ดสีไม่ละเอียดพอ,ใบมีดปาดสีปาดสีได้ไม่หมด
* สีเป็นดวงๆวงกลมที่ภาพ
- เกิดจาก….สีในถาดสีเป็นฟองอากาศ.ฟองอากาศเกาะติดแม่พิมพ์.แล้วใบมีดปาดไม่หมด ทำให้ไปติดฟิล์ม
* สีเป็นจุดขาวๆบางจุดของภาพ
- เกิดจาก….สีไหลลง และ ถ่ายเทออกหลุมสกรีนแม่พิมพ์ไม่ดี,ตั้งใบมีดปาดสีมุมองศาไม่ได้มาตรฐาน และการกดใบมีดมีน้ำหนักมากเกิน
*สีส่วนเกินติดภาพเป็นบางช่วง
- เกิดจาก…สีเหลว,มีเศษสีหรือสิ่งสกปรกติดลูกกลิ้งและลูกยาง,ใบมีดปาดสีโก่งตัวปาดสีไม่สม่ำเสมอ
* สีพิมพ์ออกมาไม่เกาะติดฟิล์ม
- เกิดจาก…ค่าการเกาะติดของสีไม่ดี ,ฟิล์มค่าโคโร่น่าทรีทไม่ได้มาตรฐาน.
* สีที่พิมพ์ออกมาแล้วส่งดรายลามิเนทแล้วเป็นฟองอากาศ
- เกิดจาก….คุณภาพความหนาแน่นของสีน้อยปริมาณกาวขีันผิวฟิล์มน้อย ชนิดของสีและชนิดของกาวไม่ถูกต้อง.และสีกับกาวไม่ใช่ชนิดที่เข้ากันได้
* สีที่ใช้งานไปช่วงระยะเวลาหนึ่งจะมีตะกอนที่ก้นถาดสีมากทำให้สีเป็นเส้น
- เกิดจาก…..คูณภาพสีมีการแข็งตัวเร็ว , การหมุนเวียนสีไม่ดี
เรื่องรายละเอียดเล็กๆที่ไม่ควรมองข้าม
– ความแข็งของ ลูกยาง มีผลอย่างไร
มีผลคือ…..งานพิมพ์ฟิล์มลูกยางแข็งมากเกินทำให้ฟิล์มยับ,กดฟิล์มไม่อยู่ ลื่นส่ายไป- มา ทำให้จับฟิล์มไม่ได้ ทำให้ภาพไม่ตรง
- การไหลหมุนเวียนของสี มีผลอย่างไร
มีผลคือ…ไหลเวียนไม่ดีทำให้เฉดสีของภาพพิมพฺ์จะไม่สม่ำสมอเท่ากันทุกภาพ หรือทุกม้วน
- ขนาดความกว้าง ความยาวของถาดสีมีผลอย่างไร
มีผลคือ..ถาดสีกว้างจะ.มีปริมาณของสีที่่เพียงพอกับการหมุนเวียน,สีไม่ตกตะกอน,สิ่งสกปรกจะตกตะกอนลงก้นถาดสี ไม่ถูกหมุนเวียนขี้นมาติดใบมีดปาดสี ทำให้สีขี้นเส้น ภาพพิมพ์เป็นเส้นสี
- การตั้งความยาวของใบมีดปาดสี มีผลอย่างไร
มีผลคือ..ยีดอายุความสึกหรอของแม่พิมพ์,ภาพพิมพ์เฉดสีไม่ตรงตามตัวอย่าง,การพิมพ์ครั้งต่อไปเฉดสีไม่เหมือนการพิมพ์ครั้งแรก
- ความยาวของแม่พิมพ์มีผลกับคุณภาพงานพิมพ์อย่างไร
มีผลคือ…..แม่พิมพ์ยาวจะมีการถ่วงศูนย์ (balance) ดีกว่าแม่พิมพ์สั้น และจะไม่แกว่งตัว (เหวี่ยง) การควบคุมความคมชัดภาพพิมพ์จะมีความนิ่งกว่า
- การตั้งแรงลมดูดของลมดูดชุดอบสี มีผลอย่างไร
มีผลคือ..ถ้าแรงลมดูดดีมีความสมดุลย์ จะทำให้การแห้งของสีดี,ฟิล์มไม่ส่าย,กลิ่นของสีถูกดูดออกภายนอกได้ดี
- อุณหภูมิ ในการตั้งใช้งานในชุดตู้อบสีมีผลอย่างไร
มีผลคือ..ตั้งแรงลมต่ำสีจะไม่แห้ง ,ตั้งลมแรงฟิล์มจะกระพือทำให้ฟิล์มส่าย ภาพไม่ตรง
- น้ำเย็น ที่หล่อเย็น มีผลอย่างไร
มีผลคือ…การแห้งของสีหลังผ่านตู้อบสี ถ้าไม่มีความเย็นเพียงพอสีไม่แห้งและฟิล์มจะอ่อนตัว ถาพพิมพ์จะ ยืด-หดภาพพิมพ์จะไม่ตรงในการพิมพ์ของแต่ละป้อมพิมพ์
- ฤดูการ(ร้อน,ฝน,หนาว) มีผลอย่างไร
มีผลคือ…..ฤดูหนาวอากาศเย็นสีจะแห้งช้า,ฤดูฝนมีความชื้นสูงสีจะไม่แห้ง,ฤดูร้อนสีจะแห้งเร็วต้องปรับอัตราส่วนของทินเนอร์ที่ใช้ ให้มีการแห้งที่เหมาะสมthanit
- ความเร็วรอบของลูกกลิ้งมีผลอย่างไร
มีผลคือ…คือความเร็วของการเดินเครื่องจักร,ความเร็วมากความคมชัดของภาพจะคมชัดกว่าเดินเครื่องจักรด้วยความเร็วต่ำ
- ไฟฟ้าสถิตย์ มีผลอย่างไร
มีผลคือ…..ทำให้มีการแตกกระจายของสีที่เกาะติดภาพพิมพ์ สีจะมีการกระจายตัวแตกเป็นเส้นฝอยเล็กๆโดยเฉพาะฟิล์มไนล่อน
- การพักม้วนหลังการพิมพ์มีผลอย่างไร
มีผลคือ….ทำให้ฟิล์มลดอุณหภูมิ ฟิล์มมีความแข็งตัวดี,สีมีแห้งดี,ทินเนอร์มีการระเหยออกหมด,มีผลกับการผลิตขั้นตอนต่อไป
- ารทำความสะอาดแม่พิมพ์หลังการพิมพ์มีผลอย่างไร(art work)มีผลกับคุณภาพและความพอใจของลูกค้า มากน้อยเพียงใด มีผลคือ….ต้องทราบความเร็วที่เครื่องจักรที่สามารถทำได้เพื่อปรับขนาดหลุมสกรีนว่าสามารถรับสีและถ่ายเทสีได้ดีที่สุดที่เหมาะสม เพราะความเร็วที่แตกต่างจะรับสีและถ่ายเทสีไม่เท่ากันเครื่องจักรที่มีความเร็วสูงจะหลุมสกรีนที่เล็ก ใช้ความหนืดสีต่ำกว่า (ต้นทุนสีจะต่ำกว่า อาจจะลดต้นทุนสีลงถึง 15 %จากการเก็บข้อมูลในการผลิต ,ความสวยงาม ,คมชัดของภาพพิมพ์จะคมชัดมากกว่า)
- การรับทราบความต้องการของลูกค้าตั้งแต่แรกเริ่มรับงานกับลูกค้ามีความสำคัญระดับใด
มีผลคือ….ทำให้การปรับรูปแบบการพิมพ์ให้ตรงกับความสามารถของเครื่องจักร และความต้องการของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นว่ามีข้อจำกัดอะไรบ้างที่ไม่สามารถทำได้ตรง 100 %กับตัวอย่างของลูกค้าจะได้ถูกปรับแก้ไขแบบ และเจรจากับลูกค้าให้เข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น
- การใช้สีจาก ผู้ผลิตสี 2 บริษัท (2sup.)ในภาพพิมพ์ภาพเดียวกันมีผลดีต่อความสวยงามคมชัดหรือไม่
มีผลคือ…ความหนาแน่นของเนื้อสี ,ความใส ,ความทึบแสงของแต่ละผู้ผลิตไม่เท่ากัน มีผลกับความสวยงามมาก เป็นเทคนิคการเลือกใช้สี
- คุณสมบัติของสี ของแต่ละผู้ผลิตสี (sup ) มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกัน มีผลต่อคุณภาพของภาพพิมพ์หรือไม่
มีผลคือ….การเกาะติดของสีมีค่าการเกาะติดแตกต่างกันค่าการเกาะwww.gravurecon.com ติดดีราคาจะสูงกว่า,การผสมทินเนอร์ได้มากน้อยเพียงใดมีผลกับราคาและการปรับเฉดสี,การมีกลิ่นตกค้าง,การส่งต่อไปในขั้นตอนการผลิตต่อไปมีผลกับการเกาะติดดีหรือไม่ดี มีฟองอากาศในถาดสีและติดเข้าไปในภาพพิมพ์,การเกาะติดของสีกับฟิล์มเกาะติดได้ดีหรือไม่
ปัญหาคุณภาพงานงานพิมพ์ หลังการพิมพ์ Quality print after print job.
1.สีไม่แห้ง ,สีหลุด’ สีบล็อคกิ้ง……….สาเหตุ….เกรดของสีมีค่าการเกาะติดไม่ดี,ชนิดของเรซิ่นของสีไม่ตรงชนิดกับฟิล์มที่ใช้พิมพ์,การใช้ตัวทำละลายสี(solvent) ละลายสีไม่ดีและการละเหยไม่หมดทำให้สีเมื่อผ่านตู้อบสีแล้วสีไม่แห้ง…….การแก้ไข…เลืกเกรดสีให้ตรงกับชนิดฟิล์มที่ใช้พิมพ์,การปรับสูตรการผสมตัวทำละลายสีให้เหมาะสมกับชนิดสีและความเร็วของเครื่องจักร.
2 .งานออกมาบาร์โค๊ตอ่านไม่ออกเนื่องจากสีเยิ้มทำให้ แท่งบาร์โค๊ตติดกัน……….สาเหตุ..เกิดจากสีมีความเหลวเกิน (visco ต่ำ),การทำแม่พิมพ์ได้ทำเส้นบาร์โค๊ตบางหรือมีเพียงเส้นเดียว ถ้าใช้สีความหนืดสูง (visco สูง) ทำให้สีแข็งตัวอุดสกรีน สีอุดตันสกรีนเส้นบาร์โค๊ตจะขาดใช้สแกนไม่ได้ จึงต้องปรับให้สีเหลว จะเกิดปัญหาการเยิ้มของสีไปเลอะแท่งบาร์โค๊ต เครื่องสแกนบาร์โค๊ตอ่านไม่ได้….. การแก้ไข..ควรเริ่มแก้ไขตั้งแต่การทำ art work ปรับเส้นบาร์โค๊ตจากตัวอย่างแบบพิมพ์ให้มีความหนาเพิ่มขึ้นโดยให้ลูกค้าตรวจสอบและยอมรับก่อนการทำแม่พิมพ์ ,ขั้นตอนการทำแม่พิมพ์ให้เน้นร้านทำแม่พิมพ์เรื่องที่อาจจะพบปัญหาลูกค้าสแกนบาร์โค๊ตไม่ได้.ร้านแม่พิมพ์จะทราบว่าควรทำแท่งบาร์โค๊ตที่มีความหนาที่เท่าใด อาจจะทำการเจาะแนวสลับฟันปลาสามเส้นต่อหนึ่งแท่งบาร์โค๊ต.เพื่อง่ายต่อการพิมพ์.
3. การพิมพ์งานออกมาแล้ว ขนาดภาพไม่ได้ตรงตามแบบทำให้สลิทหรือทำซองไม่ได้สเปค……สาเหตุ..เกิดจากการทำแม่พิมพ์ไม่ได้มาตรฐาน แม่พิมพ์มีเส้นรอบวงไม่สม่ำเสมอเท่ากันตลอดแม่พิมพ์(ห้ว-ท้าย ไม่เท่ากัน หรือ หัวโต), เครื่องพิมพ์เอียง ดึงฟิล์มได้ไม่เท่ากันทั้งสองด้าน,การใช้อุณหภูมิในตู้อบสีสูงเกินทำให้ฟิล์มขยายตัวมากทำให้ขนาดของภาพไม่ตรงตามแบบ……..การแก้ไข..ต้องเน้นเรื่องการทำแม่พิมพ์ที่มีคุณภาพ การเช็คค่าการเหวี่ยงหนีศูนย์กลางไม่ให้แม่พิมพ์แกว่งตัวและเส้นรอบวงเท่ากันตลอดแนว., ปรับระดับแม่พิมพ์การเอียงของเครื่องจักร , ปรับค่าการใช้งานของเครื่องจักรให้เหมาะสมตามชนิดของฟิล์ม…
4. งานพิมพ์ระหว่างพิมพ์ไม่พบปัญหาสีขึ้นเส้นหรือขึ้นฝ้าแต่เมื่อมาเคลือบด้วยอลูมิเนียมแล้วพบปัญหา……….สาเหตุ..เกิดจากการที่พื้นของถาดใส่สีใกล้กับลูกแม่พิมพ์มากเกินไปทำให้เมื่อทำงานไประยะเวลาหนี่งสีเริ่มมีความเข้มข้นหรือมีฝุ่นละอองตกลงไปในถาดสี มีปริมาณมากขึ้น และถาดสีอยู่ใกล้แม่พิมพพ์ทำให้เศษฝุ่น ถูกหมุนดึงขึ้นไปติดใบมีดปาดสีถ้ามีจำนวมากจะเห็นเป็นเส้นสี หรือถ้ามีปริมาณน้อยจะเป็บคราบสีและฝ้าละอองสีบางๆ จะมองเห็นสีเป็นเส้นหรือฝ้าสีได้ยาก เมื่อพิมพ์งานตัวอย่างออกมาควรตรวจสอบด้วยการนำอลูมิเนียมหรือ M-PET มารองพื้นด้านล่างพรมน้ำแล้วนำชิ้นงานที่ต้องการตรวจสองวางทับแล้วใช้ วัสดุรีดให้เรียบ เพื่อให้ระยะชิ้นงานและพื้นผิวที่รองแนบสนิท จำลองการเคลือบ…..การแก้ไข……1.ทำถาดสีให้มีขนาดกว้างและลึกให้มากกว่าของเก่า..2.ปรับหมุนถาดสีที่ใช้ในปัจจุบันให้ต่ำลงให้ระยะก้นถาดสีและแม่พิมพ์ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว …..2.ใช้ต่อลมเป็นที่เป่าหลังใบมีดปาดสี แต่ระวังอย่าให้ลมเป่าถูกภาพพิมพ์นั้นๆเป่าเฉพาะในส่วนที่ไม่มีภาพป้องกันสีเกินในส่วนนอกภาพพิมพ์ เรียกว่าเกิดฝ้า
5. งานพิมพ์ออกมาคุณภาพดี แต่เมื่อนำม้วนไปดรายลามิเนทแล้วงานออกมาเป็นฟองอากาศ………สาเหตุ..พิมพ์ออกมาดีแต่คุณภาพสีไม่ดีกับการเกาะติกของกาว การทดสอบต้องทดสอบให้ครบทุกขั้นตอนการผลิต ไม่เช่นนั้นจะพบปัญหาในขั้นตอนการผลิตต่อไป……..การแก้ไข..เลือกชนิของสีและเลือกผู้ผลิตสีที่มีคุณภาพ แจ้งผู้ผลิตสีด้วยง่าจะนำไปพิมพ์เพื่อส่งต่อไปดรายลามิเนทหรือว่าเคลือบแบบ EXTRUSION
6. งานพิมพ์ระหว่างพิมพ์ ภาพออกมาสีเป็นคราบ เป็นบางช่วง……….สาเหตุ…สีเป็นฟองอากาศ ในถาดสี ฟองอากาศจะติดเข้าไปที่แม่พิมพ์ทำให้สีที่เกาะติดแม่พิมพ์ไม่สมบูรณ์ ไม่เต็ม …….การแก้ไข….ใช้ลูกกลิ้งปั่นสีท่ีดี รอบการหมุนของลูกกลิ้งปั่นสี.หมุนมีความเร็วเท่ากับความเร็วของแม่พิมพ์ ฟองอากาศที่หน้าแม่พิมพ์จะไหลได้ดี ไม่หยุดนิ่ง ทำให้คราบฟองอากาศไม่ไปเกาะติดแม่พิมพ์
7.การพิมพ์ระยะเวลาหนึ่งแล้วสีเป็นเส้นในภาพพิมพ ์…….สาเหตุ……..การแก้ไข……(ยังไม่ได้ตอบครับ)…
8.การพิมพ์ระหว่างพิมพ์แล้วสีขึ้นไม่เต็มสกรีนที่ลดเปอร์เซ็นต์ ทำให้ส่วนที่ปลายสีที่เป็นเงาส่วนที่บางหายไปหรือ เป็นรอยขูด……สาเหตุ…..การแก้ไข……(ยังไม่ได้ตอบครับ)
9.ระหว่างการพิมพ์ภาพพิมพ์เป็นรอยขูดสีออกเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ ……..สาเหตุ……การแก้ไข……(ยังไม่ได้ตอบครับ)
10.ระหว่างการพิมพ์การจับภาพพิมพ์มีการขึ้นลงของภาพไม่นิ่งอาจจะมีอาการภาพขี้นหรือลงเป็นบางช่วงทำไห้ภาพไม่คมชัด……สาเหตุ…การแก้ไข….ลูกกลิ้งต่างๆในตู้อบสี หรือ ลูกกลิ้งน้ำเย็น หมุนด้วยความเร็วช้ากว่าฟิล์ม(มีความฝืด อาจจะลูกปืนแตกหรือเพลาสึกหรอ) หรือมีความฝืดจึงทำให้ช้าและขูดสี ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักรที่ใช้งานมานาน
**** เครื่องจักรที่ออกแบบมาจะสามารถผลิตสินค้าได้ดี คือเครื่องจักรที่ออกแบบ มาเพื่อสินค้านั้นๆ หรืออาจจะใกล้เคียงบ้างเล็กน้อย แต่จะไม่สามารถผลิตสินค้าได้ดี ทุกชนิด เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือการเลือกเครื่องจักรให้ถูกต้องกับการผลิตสินค้า******ตัวอย่างเช่น มีงานพิมพ์ฟิล์มบาง ( nylon , opp , cpp, lld.pe) แต่ซื้อเครื่องจักรที่ใช้สำหรับที่ใช้พิมพ์กระดาษหรือพิมพฺ์อลูมิเนียม ทำให้ไม่สามารถผลิตได้หรือผลิตแล้วมีการสูญเสียที่สูงงานที่ต้องการพิมพ์สีด้านล่าง7 สีต่อด้วยฟิมพิ์บน1 สี ( TURN BAR) และต้องการเคลือบความเงาในสีที่8ด้านบนให้เงาโดยการเคลือบวานิชหรือแว๊ก ควรเลือกเครื่องให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้น วานิชหรือแว๊กจะไม่เงา จะมีสีเหลือง และบล็อคกิ้ง…ต้องใช้เครื่องสเปคพิเศษโดยเฉพาะ***thanit
น้ำเย็น…อย่ามองข้ามไม่ให้ความสำคัญนะครับ เพราะพลาสติกมีความต้องการใช้อุณหภูมิต่ำในการเซ็ตตัว ต้องเย็นและการไหลหมุนเวียนดี (flow)..การที่มีไอน้ำเกาะที่ส่วนระบายความร้อน ไม่ใช่หมายความว่าความเย็นเพียงพอ แต่เป็นการไหลเวียนของน้ำเย็นไม่ดี การไหลเวียนดีจะไม่มีไอน้ำเกาะ ….
การใช้เครื่อง viscosity
เป็นเครื่องสำหรับควบคุมความหนืดสี (ความเข้มข้นสี) ระหว่างการพิมพ์ ที่ควบคุมอัตราส่วนระหว่างสีและตัวทำละลาย( solvent หรือทินนอร์) ซึ่งมีการปรับสัดส่วนให้ได้ตามที่ต้องการแทนการใช้คนควบคุมด้วยการใช้ถ้วยตวง วัดความหนืดสี ให้ได้ตามต้องการในถังพักสีก่อนการปั๊มขึ้นบนถาดสีเพื่อป้อนให้กับแม่พิมพ์
การทำงานของเครื่องนี้ สีจะถูกดูดเข้าเครื่องที่ตำแหน่ง 1. เข้าเครื่อง (โดยมีทินเนอร์ตำแหน่งที่ 2. มีถังพักรอไว้ ) ผ่านเข้าตำแหน่งที่ 4 .คือจุดที่ตั้งค่าความหนืดของสีว่าต้องการความหนืดเท่าไร ถ้าสีมีความหนืดไม่ถูกต้องตามที่ตั้งค่าไว้ ส่วนใหญ่จะมีความเข้มข้นสูงกว่าเพราะเมื่อใช้งานไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทินเนอร์ที่ผสมเข้ากับสีในถังพักก่อนเข้าเครื่อง viscosity controller จะมีการระเหยออกไปทำให้สีมีความเข้มข้นสูงขึ้น เมื่อเข้าเครื่อง เครื่องจะปล่อยทินเนอร์ในตำแหน่งที่ 2 เข้าไปผสมอัตโนมัติ แล้วถูกปล่อยออกไปตำแหน่ง ที่ 3.และถูกส่งต่อไปถาดสีต่อไป
ปัญหาที่ควรระมัดระวัง
เนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเล็กและถังที่ตัวเครื่องช่วงที่สีมีความหนืดสูงเครื่องจะปล่อยทินเนอร์ลงไปผสมในถังผสม จะทำให้สีเหลวและการกวนผสมจะทำได้ช้าไม่ทันกับการปั๊มสีขึ้นไปบนถาดสี จะทำให้ความเข้มข้นของสีมีความเข้มข้นต่ำ(เหลว) สีที่ถูกปั๊มขึ้นไปจะเฉดสีอ่อน และเมื่อขึันไปบนถาดสีจะทำให้สีที่ถูกปล่อยออกด้านริมถาดจะเหลวกว่าสีที่อยู่ในถาดสี ด้านที่ถูกปล่อยจะเฉดสีอ่อนกว่าอีกด้านหนึ่ง ทำให้เฉดสีของภาพสองด้านไม่เหมือนกัน (มีวิธีการแก้ไขและป้องกันจะนำเสนอในครั้งต่อไป)*****
การพิมพ์ฺ CPP, LLD.PE, NYLON ต้องมีการทดลองพิมพ์หาค่า ที่ดีที่สุดของรอบแม่พิมพ์
– การพิมพ์การพิมพ์ฟิล์มทั้ง 3 ชนิด จะมีการ ยืด-หด ของภาพมาก ในการทำแม่พิมพ์ต้องเผื่อขนาดเส้นรอบวงของแม่พิมพ์ เพื่อชดเชยการ ยืด-หด ของภาพมาก ต้องทดลองพิมพ์เปล่าๆด้วยการนำแม่พิมพ์ขนาดรอบแม่พิมพ์ใกล้เคียงกับรอบแม่พิมพ์ที่จะใช้งานผลิตจริงมาทดลองพิมพ์ แล้วหาขนาดที่ภาพพิมพ์มีความยืด-หด ได้ขนาดรอบแม่พิมพ์จริง...วิธีการใช้วิธีการคำนวณหารอบแม่พิมพ์ มีความผิดพลาดสูงเพราะฟิล์มที่ผลิตมาแต่ละชนิด จะมีสูตรการผลิตเนื้อฟิล์มที่แตกต่างกัน,ความหนา,ความบาง ไม่เท่ากันทำให้ อัตราการส่วน ยืด- หด ของฟิล์มไม่เท่ากัน ถ้าไม่ทดลองหาค่าอัตราการ ยือ-หด ของฟิล์มก่อนทำแม่พิมพ์จริงอาจเกิดการผิดพลาด เมื่อทำแม่พิมพ์มาแล้วพิมพ์งานจริงอาจจะมีขนาดภาพสั้นหรือยาวกว่าสเปคของลูกค้า อาจจะต้องแก้ไขด้วยทำแม่พิมพ์ใหม่ซึ่งมีราคาที่สูงเพราะแม่พิมพ์ต้องทำใหม่ทั้งหมด
***ประเทศไทย เป็นประเทศที่อากาศร้อน ชื้น มีความต้องการความเย็นมากกว่าต่างประเทศที่อากาศหนาว และอากาศแห้ง การใช้เพียง cooling tower เพื่อระบายความร้อนไม่เพียงพอที่จะระบายความร้อนได้ และการใช้แบบตู้ทำความเย็นก็ไม่เพียงพอ เพราะต้องการปริมาณน้ำเย็นที่เพียงพอกับการหมุนเวียนให้อุณหภูมิ คงที่สม่ำเสมอกับการใช้งานแบบต่อเนื่อง 12 ชม.เป็นอย่างน้อยหรือตลอดระยะเวลาทั้งสัปดาห์****
การบริการหลังการขาย..ควรพิจารณาว่า….มีทีม SERVICE หรือไม่มี, หรือว่ามีทีมแต่ไม่มีคุณภาพ,ใช้เวลาในการบริการนานเท่าไร,หลังการติดตั้งเครื่องแล้วหรือ ส่งมอบเครื่องจักรแล้ว มีการติดตามคุณภาพเครื่องจักรการ ใช้งานเครื่องจักรให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรือไม่.สามารถให้คำแนะนำลูกค้าเรื่องเทคนิคการเดินเครื่องจักร,มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องการผลิตหรือไม่,มีการทำได้ดีเต็มประสิทธิภาพ ( มีเครื่องจักรที่ดีแล้วไม่ใช่ว่าจะทำงานได้ดีที่สุดถ้าไม่มีประสบการณ์ ตรงกับสายงาน)
**อาจมีปัญหาเรื่องการผลิตงาน มีปัญหาที่หาคำตอบไม่ได้เหมือนๆกันทุกๆโรงงาน อาจจะมีการมองข้ามสาเหตุของการแก้ปัญหาต่างๆไปและได้รับคำตอบว่า “ไม่เกี่ยวข้องกัน” แต่ก็หาคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้สักที ป้ญหานั้นๆก็ไม่จบไป ยังคงอยู่แบบไม่มีการแก้ไข ( ถ้าไม่เปิดกว้างทางด้านความคิดและรับเรื่องเทคนิคการผลิตใหม่ๆเข้ามาเพื่อหาสาเหตุของปัญหา ก็หาคำตอบไม่ได้)
ขอบคุณบทความจาก : http://www.gravurecon.com